fbpx

ใครๆ ก็คงจะทราบว่าในไตรมาสที่ 2 ของปี 2563 เป็นปีที่หลายบริษัทกำไรหดตัว บ้างก็ขาดทุนเป็นจำนวนมาก จนทำให้หลายบริษัทต้องประคองตัวเองให้รอด มากกว่าสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ โดยเฉพาะกับธุรกิจสื่อที่มีทีท่าที่ได้รับผลกระทบจากการไม่ได้ถ่ายทำรายการในช่วงไตรมาสนี้ รวมไปถึงการที่ต้องอาศัยการออกอากาศซ้ำไปก่อนในช่วงนี้ จึงทำให้เรตติ้งอาจจะลดลงไปบ้าง

เช่นเดียวกับบริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) ที่ผลประกอบการของไตรมาสที่ 2/2563 มีผลประกอบการที่ไปในทิศทางที่เหมือนกับสื่อต่างๆ ที่สถานการณ์โควิด-19 ทำให้เกิดวิกฤตในการหารายได้มากขึ้น ทำให้มีรายได้ลดลงไปอยู่ที่ 469 ล้านบาท และกำไรสำหรับงวดเหลือเพียง 303,000 บาทเท่านั้น โดยรายได้ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนไปกว่า 300 ล้านบาทเลยทีเดียว

พอเรามาจำแนกธุรกิจที่เวิร์คพอยท์ดูแลอยู่ จะพบว่าธุรกิจเกือบทั้งหมดมีผลประกอบการที่ลดลงตามสภาพของสถานการณ์โควิด-19 ที่ในช่วงนั้นเริ่มทวีความรุนแรงจนต้องสั่งงดทำกิจกรรมทุกอย่าง จนไปถึงเอเจซีและเจ้าของสินค้างดการใช้เงินลงอีกด้วย ทำให้สถานการณ์จึงเลวร้ายตามลำดับ

เริ่มที่รายได้จากรายการโทรทัศน์ ที่งบการเงินรวมของบริษัทรายงานว่ามีรายได้รวมอยู่ที่ 348,114,000 บาท ลดลงจากปี 2562 ที่ได้อยู่ที่ 597,771,000 บาท ในขณะที่รายได้จากภาพยนตร์ในไตรมาสนี้ เนื่องจากไม่มีภาพยนตร์เข้าฉาย เนื่องจากการปิดโรงภาพยนตร์เพื่อลดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จึงทำให้ไม่มีรายได้เข้ามาเลย

ในขณะที่รายได้จากละครเวทีและคอนเสิร์ต รายได้หายไปประมาณ 20 ล้านบาทจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ทำให้เหลือรายได้เพียง 4,264,000 บาทเท่านั้น นอกจากนั้นรายได้จากการรับจัดงานก็หดไปมากกว่า 71 ล้านบาท จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ทำให้เหลือเพียง 11,288,000 บาทเท่านั้น นอกจากนั้นรายได้จากการบริหารจัดการ เป็นเพียงส่วนเดียวที่เพิ่มจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งทำให้มีรายได้อยู่ที่ 96 ล้านบาท

แต่สิ่งที่ยังประคองเวิร์คพอยท์มาได้ นั่นก็คือธุรกิจการขายสินค้าและบริการที่เติบโตในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อันเป็นผลมาจากการที่ประชาชนไม่สามารถออกจากบ้านได้ ทำให้เปิดดูโทรทัศน์และสั่งซื้อสินค้าที่ออกอากาศทางโทรทัศน์เป็นการทดแทน ทำให้มีรายได้เข้ามามากกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อนมากกว่า 55 ล้านบาท ทำให้มีรายได้จากส่วนนี้ไป 105 ล้านบาท

ส่วนรายได้รวมจากทุกธุรกิจ มีทิศทางที่ลดลงในไตรมาสนี้ โดยได้รายได้รวมอยู่ที่ 469 ล้านบาทื ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่ได้ 753 ล้านบาท

ในขณะที่ต้นทุนของธุรกิจสื่อและการจัดการแสดง โดยรวมก็กลับลดลงจากการได้รับผลกระทบของโรคโควิด-19 ที่ทำให้ไม่สามารถออกไปถ่ายทำรายการหรือจัดกิจกรรมได้เลย ซึ่งในแง่หนึ่งก็เป็นผลดี โดยเฉพาะในธุรกิจรายการโทรทัศน์ที่ต้นทุนลดลงไปกว่า 105 ล้านบาทเลยทีเดียวจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่อีกสองธุรกิจอย่างธุรกิจคอนเสิร์ตและละครเวที และธุรกิจรับจ้างจัดงานก็มีต้นทุนที่ลดลงเช่นกัน

สำหรับกำไรขั้นต้นของบริษัทอยู่ที่ 197 ล้านบาท และเมื่อหักลบค่าใช้จ่ายต่าง ๆ รวมไปถึงค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ก็ทำให้มีกำไรสำหรับงวดอยู่เพียงแค่ 303,000 บาทเท่านั้น ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่ได้อยู่ที่ 66,393,000 บาทไปถึง 66 ล้านบาท!

แต่จริง ๆ แล้วกำไรเวิร์คพอยท์ยังโชคดีที่ได้ลงทุนในตราสารที่กำหนดให้ลงทุน ทำให้ยอดโดยรวมไม่ได้จบอยู่ที่ 303,000 บาท แต่เมื่อรวมกับกำไรจากตราสารจึงทำให้มีกำไรรวมอยู่ที่ 2,188,000 บาท และกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 0.005 บาท/หุ้น นั่นเอง

เรียกได้ว่าเป็นการปิดงบสำหรับงวดสามเดือนที่ไม่ง่ายเลยจริง ๆ และคิดว่าด้วยสถานการณ์แบบนี้ธุรกิจสื่ออีกหลายเจ้าก็น่าจะได้รับผลกระทบไม่ต่างกันเช่นกัน คอยติดตามกันต่อไปนะครับ