fbpx

หลายท่านอาจจะคุ้นเคยการรับชมคอนเทนต์ออนไลน์ของ Workpoint หรือมากกว่านั้น หลายคนอาจจะเคยกดช่อง 23 เพื่อรับชมรายการดังๆ อย่าง “เวทีทอง” หรือ “I Can See You Voice Thailand” มาไม่มากก็น้อย วันนี้เวิร์คพอยท์อยู่คู่กับคนไทยมา 31 ปี และเพิ่งผ่านพ้นวันเกิดไปเมื่อวันที่ 11 กันยายน ที่ผ่านมา วันนี้ส่องสื่อนำรายได้บางส่วนมาแกะดูตัวเลขกัน ว่าทำไมเวิร์คพอยท์ยังให้ความสำคัญกับช่วงเวลาสำคัญของช่องโทรทัศน์อยู่เสมอ ในขณะเดียวกันก็สร้างแบรนด์ออนไลน์ให้เติบโตควบคู่กันไปด้วย ติดตามกันได้เลยครับ

โดยผลประกอบการในปี 2562 เฉพาะของตัวบริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ จำกัด (มหาชน) นั้นมีรายได้อยู่ที่ 2,771.7 ล้านบาทื และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 159.5 ล้านบาท โดยแน่นอนว่ารายได้กว่าร้อยละ 79 เป็นรายได้ที่มาจากส่วนของรายการโทรทัศน์ โดยมีมูลค่าสุทธิอยู่ที่ 2,193.1 ล้านบาท รองลงมาคือธุรกิจขายสินค้าและบริการที่มีรายได้อยู่ที่ 217.9 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 7.9 และธุรกิจรับจ้างจัดงานรองลงมา สุดท้ายคือธุรกิจคอนเสิร์ตและละครเวทีนั่นเอง

แต่ถ้าให้เห็นภาพจริง ๆ ในส่วนของรายได้จากรายการโทรทัศน์ซึ่งมีสัดส่วนมากที่สุด จะเห็นได้ว่าจากมูลค่ากว่า 2,193.1 ล้านบาท พอแบ่งออกมาจะเห็นได้ว่ารายได้มากกว่าร้อยละ 84.3 เป็นรายได้มาจากฝั่ง TV ซึ่งกินมูลค่าไปมากกว่า 1,844.9 ล้านบาท ในขณะที่ฝั่งออนไลน์มีสัดส่วนเพียงร้อยละ 13.5 เป็นมูลค่า 299.1 ล้านบาท เพียงเท่านั้น และรายได้ลิขสิทธิ์มีสัดส่วนเพียงร้อยละ 2.2 มีมูลค่าทั้งหมด 49.1 ล้านบาทเท่านั้น ทั้งหมดนี้พอหักลบค่าใช้จ่ายจะมีกำไรอยู่ที่ 795.1 ล้านบาท

ในขณะที่รายได้จากสถานีโทรทัศน์ดิจิทัล ที่รับผ่าน บริษัท ไทย บรอดคาสติ้ง จำกัด ผู้ได้รับใบอนุญาตออกอากาศสถานีโทรทัศน์หมายเลข 23 บนระบบดิจิทัลนั้น ผลปรากฏว่าในปี 2562 มีรายได้รวม 2,382,379,289 บาท และคว้ากำไรหลังหักค่าใช้จ่ายไปทั้งสิ้น 165,480,737 บาท

ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่ารายได้ของเวิร์คพอยท์ฝั่งรายการโทรทัศน์ยังมีส่วนสำคัญและเป็นเส้นเลือดหลักของเวิร์คพอยท์ในการเติบโตต่อไปได้อย่างแข่งแกร่ง ดังวจะเห็นได้จากราคาหุ้นที่สะท้อนตัวเรตติ้งชนิดวันต่อวันเลยทีเดียว ในขณะเดียวกันก็จะเห็นเรตติ้งในช่วงหลังเวิร์คพอยท์ให้ความสำคัญกับคอนเทนต์ที่เอาใจคนต่างจังหวัดมากเป็นพิเศษ เพราะเนื่องจากสามารถทำเรตติ้งทางหน้าจอได้ดีกว่า และยังเน้นคอนเทนต์ที่คิดขึ้นเอง เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้อลิขสิทธิ์อีกด้วย โดยทยอยลดคอนเทนต์ต่างประเทศลงจนถึงขนาดยุบรายการ The Mask Singer ที่ทำมาชนิดติดต่อกัน ไม่ได้พักเลยทีเดียว

ยังไงก็ต้องรอติดตามว่าในปี 2563 เวิร์คพอยท์จะกลับมาแก้เกมด้วยเรตติ้ง Top 5 หรือไม่? แล้วรายได้จะมาจากทางไหนมากกว่ากัน? ติดตามกันต่อไป