fbpx

กันตนาท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 และการครบรอบ 70 ปีของเส้นทางสายบันเทิง

ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้หลายอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบมากพอสมควร รวมไปถึงอุตสาหกรรมบันเทิงที่โดนกันไปตามๆ กัน โดยเฉพาะการเว้นระยะห่างในการถ่ายทำ การขายโฆษณา รวมไปถึงการจัดวางรายการและพฤติกรรมคนดูที่เปลี่ยนไป ซึ่งกันตนาก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

วันนี้ทีมกองบรรณาธิการเว็บไซต์ส่องสื่อได้โอกาสในงานเปิดตัวการร่วมมือระหว่าง “กันตนา x สตาร์ ฮันเตอร์ เอ็นเตอร์เทนเมนต์” เลยเชิญคุณศศิกร ฉันทเศรษฐ์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท กันตนา กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) มาร่วมพูดคุยเกี่ยวกับการปรับตัวของกันตนาในยุคหลังโควิด-19 ซึ่งอุตสาหกรรมบันเทิงต่างต้องปรับตัว จะเป็นอย่างไรนั้น ติดตามจากบทสัมภาษณ์ได้เลย

กันตนาตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?

ถ้าเรื่องธุรกิจ มันก็เป็นเหมือนกันทุกที่นะคะ เพราะว่าโฆษณาน้อยลง ทำงานเยอะขึ้น เหนื่อยขึ้น เหมือนหา ecosystem ของธุรกิจให้เจอว่า มันจะต้องทำอะไรบ้างให้ประสบผลสำเร็จในเชิงของธุรกิจให้มากที่สุด เพราะฉะนั้น Trend มันเปลี่ยนทุกวัน ไม่ใช่ Trend คนดูอย่างเดียว Trend ลูกค้าด้วย ถ้า Trend ลูกค้าเปลี่ยน มันก็หมายถึงว่า เราก็ต้องตอบโจทย์ลูกค้าให้ได้ ก็ต้องแก้สถานการณ์

เมื่อก่อนเราคิดแค่รูปแบบรายการให้โดน ทำยังไงให้เรตติ้งสูง แล้วเราสบายใจ แต่ตอนนี้เรตติ้งสูงอย่างเดียวก็ไม่ใช่ละ เรตติ้งสูง ค่าใช้จ่ายต้องคุมให้ได้ แล้วก็จะต้องตอบโจทย์ลูกค้าให้ได้ จะต้องแบบตอบโจทย์คนดูให้ได้ เพราะนั้นมันหลายเรื่องประกอบกัน แล้วถามว่ายากขึ้นไหมในการทำงาน ก็ยากขึ้น แต่ถ้าเมื่อไหร่เราเจอโอกาสทางธุรกิจ มันจะง่ายทันที ก็เลยคิดว่า ในวิกฤตทุกอย่างพี่เลยเชื่อว่ามันมีโอกาสนะ อยู่ที่ว่าต้องหาให้เจอ

คนทำสื่อ คนที่ทำงานคอนเทนต์มีข้อดีคือ มันมีอะไรให้ Create ของใหม่ตลอดเวลา บางรายการบางคอนเทนต์เราไมคิดว่าจะโดน ก็โดน ก็ดีขึ้นมา พี่ว่ามันก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้รู้สึกว่า เราก็โชคดีที่อยู่ในธุรกิจนี้ค่ะ

กันตนาจะปรับตัวยังไงบ้างในโอกาสครบรอบ 70 ปี?

ถ้าพูดตามตรงนะ พี่คิดข้ามปีไม่ได้เลยตอนนี้ บางอย่างเราวางแผนยาวไว้ พอมันไม่เป็นไปตามแผน เราจะเกิดความรู้สึกผิดหวังหรือว่าหงุดหงิด แต่ว่าพอโควิดเข้ามา มันสอนเราว่าโควิดนี่ทำให้แผนที่วางอยู่หลายเรื่องเลิกทำหมดเลย ปีนี้ต้องยอมรับความจริง แล้วพี่ว่ามันไม่ได้เป็นที่เราคนเดียว มันเป็นที่หลาย ๆ องค์กร หลาย ๆ คน มันสอนให้เราปรับตัว และมันสอนให้เราอยู่นิ่ง ๆ เพื่อได้คิดอะไรบางอย่าง พอโควิดหยุดไป ทุกอย่างมันก็เริ่มเดินไปตาม Step ของมัน

ถ้าในเชิงของธุรกิจ มันยังไม่ได้เหมือนเดิม มันดีขึ้น แต่ยังไม่ได้ดีเหมือนเดิม เพราะว่าคนซื้อระวังตัว คนขายก็ต้องระวังตัว คนทำธุรกิจก็ต้องระวังตัว เราอยู่ในโลกของการระวังตัวมากขึ้น แต่ว่าถ้ามองในแง่ดีคือสิ่งที่ทำในปีหน้าที่จะจัดใหญ่เลย พี่อาจจะทำไม่ได้ มันเหมือนอย่างนี้ พอคิดขึ้นมา เราทำเพราะว่าเรามีคนต้องการใช่ไหม? ถ้าในชีวิตปกติเราอาจไม่ได้คิดที่จะทำซีรีส์วายก็ได้ เพราะว่าเอาซีรีส์ที่เราทำอยู่ทุกวัน ก็แทบจะผลิตให้ 7 วันแล้ว เพราะว่าทำทั้งทีวี ทำทั้งแพลตฟอร์มออนไลน์ แล้วแพลตฟอร์มออนไลน์เกิดขึ้นเยอะมาก แต่ว่าพอมีโควิดขึ้นมา เราต้องรีบทำ เพราะมันมีเห็นโอกาสทางธุรกิจ แล้วพี่ว่าโลกมันจะเปลี่ยนเป็นว่า มีความร่วมมือกันมากขึ้น Collaborate แบบนี้ มันจะเกิดขึ้นเยอะ เพราะว่าคนเราไม่ได้เก่งทุกด้าน เพราะฉะนั้นความร่วมมือนี่แหละมันจะทำให้เป็นตัวจักรสำคัญ ที่ทำให้มันเดิน มันไหลไปได้เรื่อย ๆ

อย่างรายการที่แฟน ๆ ส่องสื่อถามหา Drag Race Thailand ปีนี้ก็คือจะทำต่อไหม?

ก็คือเงื่อนไขทางธุรกิจเหมือนกัน แต่ไม่ได้ทิ้ง เพราะว่ายังไงก็ยังต้องพัฒนาเนื้อหาอยู่ อย่างเมื่อเดือนที่แล้ว ที่เราทำกิจกรรมของ Drag ขึ้นมา เพราะว่าแฟน ๆ ถามหา แล้วมันเป็นช่วงที่ Drag ก็เดินทางไม่ได้ ทุกปีเราต้องพา Drag ไปเพื่อโปรโมตประเทศไทยตามงาน Pride ตามที่ต่าง ๆ แต่พอปีนี้เราก็เปลี่ยนวิธีของการทำ Content เท่านั้นเอง แต่เนื่องจากถ้าทำเป็นรายการ Drag Race Thailand มันต้องมีเรื่องของการซื้อ Format เรื่องของการซื้อลิขสิทธิ์อะไรต่าง ๆ ซึ่งมันทำให้มันต้องลุงทุนกันเยอะ ก็ต้องดูทางด้านธุรกิจก่อนว่าลงทุนไปแล้วมันจะคุ้มค่าไหม แต่ถ้าถามว่าทิ้งไหม ไม่ทิ้ง เพราะว่าอะไรที่แฟน ๆ ถามหา ต้องทำ แต่ทำใน Platform Business Model ไหน ก็ต้องว่ากันอีกที

แสดงว่าตอนนี้กันตนาก็ค่อนข้างที่จะระมัดระวังที่จะลงทุน?

ระวังตัวค่ะ ไม่ทำอะไรแบบคิดใหญ่ คือบางครั้งคนที่อยู่ในธุรกิจเนี่ย คิดแล้วกระโจน คิดแล้วกระโจนเลย ซึ่งตอนนี้ต้องระวัง เอ้ย ก่อนกระโจนคิดอีกสัก Step นึง ก็ยังทำนะ ถ้าเห็นมี Movement ทุกวัน กันตนาทำอะไร เกิดขึ้นใหม่ทุกวัน ไม่ได้อยู่เฉย ๆ เลยแต่ที่จะบอกว่าลูกน้องทุกคนหรือพนักงานเนี่ย ทำงานเยอะขึ้นะ ทำงานหนักขึ้น แต่เงินที่ได้อาจจะไม่เท่าเดิมค่ะ แต่ว่าเราก็ต้องระวัง พยายามรักษา Margin ให้ได้ เท่านั้นเองค่ะ

อย่างเมื่อก่อนเนี่ยเขามีความเชื่อว่าค่าโฆษณา 1 รายการ สามารถเลี้ยงบริษัทได้ทั้งปีเลย?

ใช่ ๆ ก็รายการที่ยังได้เรตติ้งมันก็ยังอยู่ได้อยู่ เพราะเนื่องจากถ้ารายการที่อยู่มานานเนี่ยนะ อย่างที่พี่เคยพูดเรื่องคดีเด็ด พูดเรื่องรายการเรื่องจริงผ่านจอ เขาก็ยังอยู่ได้ เขาอยู่ แต่ Margin น้อยลงนะ ก็ต้องยอมรับความจริงว่ามันไม่ได้มาก แต่ถ้าถามว่าเรตติ้งเป็นอย่างไร ก็เป็นรายการที่อยู่ได้ไปเรื่อย ๆ เพราะว่าข้อดีคือ รายการไหนที่อยู่ทีวีแล้วเรตติ้งสูงนะ มันจะเลี้ยงตัวมันเองได้ แต่รายการไหนที่อยู่ทีวีแล้วเรตติ้งไม่สูงอะ มันต้องไปหาทางอื่นมาเลี้ยง เช่น จะเห็นรายการทีวีหลายรายการต้องหันมานั่งขายของ คือเขาก็เป็นอีก Business Model นึงที่ทำให้ Survive ก็ถ้าอยู่ไม่ได้ มันก็ต้องหาทางนั้น

พี่ก็เกิดรายการใหม่ ถ้าเห็นก็แอบ ๆ ทำ Super Seller ขึ้นมา ซึ่งอันนี้ก็เกิดขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ธุรกิจเพราะว่าตอนช่วงโควิด หลายคนมาเป็นแม่ค้ามากขึ้น ขนาดว่าคนที่ทำทีวีหลายคนก็เข้ามาเปิด Marketplace กัน ก็เลยเกิดรายการ Super Seller เพื่อตอบโจทย์ทางธุรกิจ แต่ถามว่ามันจะได้เรตติ้งไหม มันก็ไม่ได้หรอก มันทำเพื่อตอบโจทย์ธุรกิจเฉย ๆ

คิดว่าปีหน้าธุรกิจจะกลับมาฟื้นตัวจากโควิดไหม?

ถ้าไม่มีเหตุการณ์อะไร พี่เชื่อว่าโดยรวมมันจะดีขึ้น กราฟมันขึ้นเรื่อย ๆ มันแบบโฆษณามันก็เข้ามามากขึ้นเรื่อย ๆ หรือว่าภาวะเศรษฐกิจมันก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ มันไม่ได้แบบหยุดนิ่งแบบตอนนั้น ก็เลยคิดว่าถ้ามันไม่มีเหตุการณ์อะไร มันต้องดีขึ้นอ่า คือถึงตอนนี้ถ้ารายการที่เห็นมันก็จะแบบ เป็นรายการที่ปกติที่ทำอยู่ แต่ถ้าถามว่าคิดอะ คือคิดเพื่อออกปีหน้าหมดแหละ ณ ปัจจุบันนี้คือคิดโปรเจ็กต์สำหรับปีหน้าหมดทุกอย่าง Develop หมดเลย Develop เพื่อปีหน้าหลายโครงการมาก

ปีหน้าก็คือจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม 100%?

คิดว่าจะกลับ แต่พี่ไม่รู้ว่ามันจะกลับมาหรือเปล่า แต่ชีวิตมันต้องเดินต่อ ก็ต้องสร้างโปรเจ็กต์อะไรขึ้นมาที่เราพร้อม คือปีหน้าเราก็ทำเยอะมากเลย แต่ว่าไม่รู้ว่ามันจะได้ออก เหมือนปีที่แล้วก็ทำเยอะมาก เมื่อจะออกปีนี้ แต่มันไม่ได้ออกอะไรอย่างนี้

คิดว่าโควิด-19 สอนอะไรเราบ้างจากการทำธุรกิจ?

พี่ว่าสอนให้มีสติในการใช้ชีวิตนะคะ พี่ว่าหลายคนก็แย่เลย เพราะว่าเราก็อยู่ในธุรกิจ ใครทำธุรกิจท่องเที่ยว ธุรกิจโรงแรมเนี่ย เขาก็ Suffered หมดเลย ถ้าเทียบเรายังน้อยกว่าเยอะ แต่ยังไงคนไทยก็ดูคอนเทนต์ไทย พี่ก็เลยคิดว่า พอมันมองเห็น มันทำให้เรามีสติ แล้วก็สอนให้เรา กลับมาได้อยู่กับความเป็นจริงมากขึ้น เพราะบางทีเราอาจจะใส่อะไรที่มันเป็นมโน เป็นความเพ้อฝันมากเกินไป ก็สอนให้แบบหยุด แล้วก็มาดูความเป็นจริงมากขึ้น