fbpx

บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) แจ้งงบการเงินประจำปี 2563 แก่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พบมีรายได้รวมมากกว่า 1,701 ล้านบาท ธุรกิจส่งออกสินค้าลิขสิทธิ์ยังเป็นหัวใจหลักสำคัญอยู่ของ JKN โดยพบว่ากลุ่มทีวีดาวเทียม+ออนไลน์เป็นฐานลูกค้าที่ซื้อลิขสิทธิ์มากที่สุด

โดยรายงานของเจเคเอ็น พบว่ามีรายได้จากสามส่วนหลัก ประกอบไปด้วย ธุรกิจขายลิขสิทธิ์ 1,635 ล้านบาท โดยยังไม่หักรายการระหว่างบัญชีอีกจำนวน 6 ล้านบาท โดยแบ่งการจำหน่ายเป็น การขายลิขสิทธิ์ในประเทศไทยจำนวน 964 ล้านบาท และการขายลิขสิทธิ์ต่างประเทศจำนวน 665 ล้านบาท เมื่อหักรายการระหว่างบัญชีจะมีรายได้อยู่ที่ 1,628,338,972 บาท มีกำไรสุทธิอยู่ที่ประมาณ 764 ล้านบาท

ถ้าลองจับสังเกตดู ในการขายลิขสิทธิ์นั้นทางเจเคเอ็นได้แบ่งออกเป็นการจำหน่ายเพื่อเผยแพร่เพียงช่องทางเดียว ซึ่งทีวีดิจิทัลมีมูลค่ามากที่สุดในหมวดนี้ คืออยู่ที่ 184.83 ล้านบาท รองลงมาคือทีวีดาวเทียม 123.65 ล้านบาท และช่องทางออนไลน์ 64.17 ล้านบาท แต่ในกลุ่มนี้โดยรวมมีปริมาณการซื้อที่ลดลงจากการปรับตัวของลูกค้าซึ่งในปี 2563 มีช่องทางออกอากาศมากกว่า 1 ช่องทางแล้ว

ในขณะที่อีกกลุ่ม คือกลุ่มที่ออกอากาศมากกว่า 1 ช่องทาง กลุ่มทีวีดาวเทียมที่ซื้อไปฉายออนไลน์ร่วมด้วยเป็นกลุ่มหลักที่ซื้อลิขสิทธิ์ไป โดยมีมูลค่าอยู่ที่ 683.04 ล้านบาท รองลงมาคือกลุ่มทีวีดิจิทัลออกอากาศร่วมกับทีวีดาวเทียมและออนไลน์ 327.70 ล้านบาท, กลุ่มทีวีดิจิทัลออกอากาศพร้อมออนไลน์ 240.56 ล้านบาท และกลุ่มทีวีดิจิทัลออกอากาศพร้อมทีวีดาวเทียม 4.03 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีกลุ่มของทีวีดิจิทัลออกอากาศพร้อมทีวีดาวเทียม ออนไลน์ โฮมวีดิโอ และทีวีแอนะล็อกที่มีมูลค่าเพียง 360,000 บาทอีกด้วย ซึ่งในกลุ่มนี้นั้นมีการเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 155 เลยทีเดียว

รายได้ส่วนที่สอง คือรายได้จากการขายเวลาโฆษณา ซึ่งในปีที่ผ่านมาทางเจเคเอ็นได้ออกอากาศช่อง JKN TV (เดิมชื่อ JKN Dramax) รวมไปถึงการเช่าเวลาในสถานีโทรทัศน์เพื่อออกอากาศรายการของ JKN-CNBC และ JKN NEWS ซึ่งทำรายได้รวมทั้งสิ้น 15 ล้านบาท และมีรายได้ระหว่างส่วนงานอยู่ที่ 23 ล้านบาท รายได้รวมส่วนนี้คือ 38 ล้านบาท ขาดทุนในส่วนงานนี้อยู่ที่ 34 ล้านบาท

ทำให้รายได้ทั้งหมด เมื่อรวมกันจะมีรายได้อยู่ที่ 1,707,736,307 บาท มีกำไรหลังหักค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 312,473,914 บาท มีรายได้น้อยกว่าปี 2562 ที่มีรายได้อยู่ที่ 1,710,322,311 บาท และมีกำไรที่มากกว่าปี 2562 ที่มีกำไรหลังหักค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 252,813,652 บาท

โดยในปีนี้ทางเจเคเอ็นได้มีการลงทุนในกลุ่มธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าและอาหารเสริม ตลอดไปจนถึงร่วมมือกับบริษัทพันธมิตรในการลงทุนผลิตกัญชง รวมไปถึงการรุกเข้าทีวีดิจิทัลด้วยการเช่าเวลาออกอากาศร้อยละ 40 จาก บจก.ดีเอ็น บรอดคาสท์ ผู้ได้รับใบอนุญาตออกอากาศสถานีโทรทัศน์ในระบบดิจิทัล ประเภทช่องข่าวสารและสาระ หมายเลข 18 (NEW18) นั่นเอง