fbpx

การเปิดใจครั้งสำคัญของ “แนนโน๊ะ” และ “เด็กใหม่ ซีซั่น 2” กับการล้างแค้นให้สาสมใจ!

ใครก็ตามที่กำลังติดตาม “เด็กใหม่ ซีซั่น 2” หรือชื่อภาษาอังกฤษก็คือ Girl From Nowhere Season 2 อยู่นี้ ก็คงจะพอได้เห็นลีลาการล้างแค้นของ “แนนโน๊ะ” แบบชนิดถึงพริกถึงขิงกันเลยทีเดียว ซึ่งวันนี้ส่องสื่อและ Netflix Thailand เราจึงขอยื่นไมค์สัมภาษณ์นักแสดง ผู้กำกับ และผู้เขียนบทของซีรีส์ชุดนี้ว่ามีนัยยะอะไร แสดงยากไหม? หรือแม้กระทั่งการกำกับภาคสอง ซึ่งค่อนข้างปราบเซียนเอาการเลยทีเดียว มาติดตามกันครับ

เริ่มต้น เรามาคุยกับ “คิทตี้-ชิชา อมาตยกุล” ซึ่งรับบทเป็น แนนโน๊ะ ซึ่งเป็นการกลับมาแสดงอีกครั้งของเขาในบทเดิมที่จัดจ้านถึงใจใครหลายๆ คนเลยทีเดียว

รู้สึกอย่างไรบ้างที่ได้กลับมารับบทแนนโน๊ะอีกครั้ง

ดีใจและตื้นตันใจมาก เพราะการได้กลับมาในครั้งนี้เป็นสิ่งที่เกินความคาดหมาย ต้องขอบคุณแฟนๆและคนดูทุกคนที่ให้โอกาสแนนโน๊ะกลับมาอีกครั้ง รวมถึงขอบคุณ Netflix ที่ให้คิทได้กลับมาอีกครั้งค่ะ

ซีซั่นที่แล้ว คนดูจะมีภาพจำ กับท่าเต้นหน้าเสาธงของแนนโน๊ะ มาซีซั่นนี้คิดว่าจะมีอะไรที่เป็นภาพจำบ้าง

จริง ๆ ครั้งที่แล้วหลายๆอย่างมันเป็น Magic Moment ที่เกิดขึ้นเอง แล้วก็ไม่ได้คาดหวังว่ามันจะเป็นภาพจำ เชื่อว่าในครั้งนี้ก็อาจจะมี Moment ที่ไม่ได้คาดหวัง หรือ ไม่ได้ตั้งใจว่ามันจะต้องเป็นภาพจำ แต่มันจะกลายเป็น Magic Moment อีกครั้งนึงที่คนดูอาจะชอบหรือว่าติดตาตรึงใจ แต่สุดท้ายแล้วก็คงต้องให้ทางผู้ชมเป็นคนตัดสินมากกว่าค่ะ ว่าจะถูกใจซีนไหน หรืออยากจดจำซีนไหนบ้าง

การทำงานร่วมกับผู้กำกับแต่ละคนเป็นอย่างไรบ้าง

โอเคมากๆเลย ผู้กำกับแต่ละคนกลายเป็นคุณพ่อของคิทไปหมดตั้งแต่ซีซั่นที่แล้ว อย่าง พ่อปกป้อง พ่อเอส พ่อโดม พ่อก๋วยเตี๋ยว แล้วก็มีคุณพ่อคนใหม่ อย่างพ่อกอล์ฟและพ่อหนุ่ม ซึ่งพ่อกอล์ฟนี่ก็เป็นเจ้าพ่อหนังทริลเลอร์ สยองขวัญคนนึงเหมือนกัน ถือว่าน่าสนใจมากที่เราจะได้เห็น พ่อกอล์ฟ X แนนโน๊ะ

ความยากง่ายของบทบาทแนนโน๊ะ เมื่อเทียบกับซีซั่นก่อน

เป็นความโชคดีที่ครั้งนี้ได้ทำงานกับทีมที่เคยร่วมงานกันมาตั้งแต่ซีซั่นที่แล้ว ก็จะรู้สไตล์กันประมาณนึง เลยทำให้การทำงานต่อกันติดแล้วก็คลิคกันได้ง่ายขึ้น ส่วนความยากเป็นเรื่องบทที่ค่อนข้าง Extreme ขึ้นมากๆ และครั้งนี้ก็มีฉากที่ถ่ายยากเกือบทุกตอนและความโชคดีอีกอย่างที่ต้องขอบคุณคนดูและแฟนๆทุกคนที่ยอมเปิดใจทำความรู้จักกับแนนโน๊ะในครั้งที่แล้ว ในครั้งนี้คิทเลยได้มีโอกาสในการขยายแนนโน๊ะออกไปมากกว่า 10 รูปแบบ ซึ่งหวังว่าคนดูจะได้เห็นแนนโน๊ะในพาเล็ตต์สีที่แรงขึ้นและก็หลากหลายเฉดมากขึ้น

GIRL FROM NOWHERE (L to R) CHICHA AMATAYAKUL as NANNO in episode 201 of GIRL FROM NOWHERE Cr. YUPANAKORN BOONPREM/NETFLIX © 2021

ถึงแนนโน๊ะจะมีการเปลี่ยนแปลงที่หลากหลายขึ้น แต่เราคิดว่ามีอะไรที่แนนโน๊ะยังคงเหมือนเดิม

สิ่งที่ยังเหมือนกันกับซีซั่นที่แล้วคือ แนนโน๊ะน่าจะยังตามหาว่ามีมนุษย์คนนั้นอีกมั้ย คนที่เลือกจะไม่กินแอปเปิ้ลที่เราหยิบยื่นให้ หรือว่าเลือกจะปามันทิ้ง แนนโน๊ะยังคงคาดหวังผลลัพธ์ใหม่ๆจากมนุษย์เสมอ แนนโน๊ะไม่เคยตัดใจที่จะเชื่อว่ามนุษย์สามารถเป็นคนที่แตกต่างจากสิ่งที่ถูกเหมารวมว่าต้องเป็นแบบนี้แบบนั้นได้ค่ะ

สำหรับเรา แนนโน๊ะ คืออะไร

แนนโน๊ะเป็นลูกสาวซาตานค่ะ ซึ่งเคยเห็นเหตุการณ์พวกนี้มาหมดแล้ว ความปกติของแนนโน๊ะ อาจจะไม่เหมือนความปกติของคนอื่นๆ แนนโน๊ะมองมนุษย์ เหมือนกับเวลาที่เรามองมดหรือมองแมลง หรือมองปลาในทะเล และมาหยิบยื่นทางเลือกให้ทุกคน แนนโน๊ะขับเคลื่อนด้วยความสงสัยในการกระทำและเหตุผลของมนุษย์ค่ะ

ความรู้สึกของเราต่อซีรีส์เรื่องนี้

ซีรีส์เด็กใหม่เป็นโปรเจ็คต์ที่มีความทีมเวิร์คมากๆ ผู้กำกับและทีมโปรดักชั่นเป็นเหมือนอวัยวะต่างๆในร่างกาย อย่างแขนขา ทีมเขียนบทเป็นเส้นเลือด ครั้งนี้ Netflix เป็นลมหายใจ ส่วนตัวคิทเองอาจจะเป็นแค่วิญญาณของแนนโน๊ะ ร่างกายเปลือกนอกก็เป็นทีมครีเอเตอร์ที่สร้างมันขึ้นมา แฟน ๆ และคนดูทุกคนเป็นหัวใจ เพราะฉะนั้นแนนโน๊ะและซีรีส์เรื่องนี้จึงถูกสร้างขึ้นจากผู้คนมากมาย

คิดว่าเด็กใหม่ 2 ต้องการสื่อสารอะไรกับผู้ชม

อยากให้คนดูได้ทบทวนและได้เห็นทางเลือกของการตัดสินใจที่เรามีต่อเหตุการณ์ต่างๆที่มันเกิดขึ้น บางครั้งเราอาจจะอยากให้คนนั้นคนนี้เจออะไรแรงๆ ให้สาสมกับการกระทำของเขาหรือสาแก่ใจเรา แนนโน๊ะเลยสร้างความจริงอีกชุดนึงให้เราได้เห็นว่า ถ้าสิ่งต่างๆที่เราอยากให้มันเกิดขึ้นนี้ มันได้เกิดขึ้นจริงๆ เรายังอยากให้มันเป็นแบบนี้อยู่หรือเปล่า หรือเราแค่รู้สึกแบบนั้นด้วยความสะใจหรือความโมโห

ความรู้สึกที่ได้ร่วมงานกับ Netflix และ ผลงานการแสดงของเรามีโอกาสได้ฉายไปทั่วโลกกว่า 190 ประเทศ

ดีใจมากนะคะและขอบคุณทุกคนที่ใช้เวลาของคุณมารับชมสิ่งนี้ ที่เกิดขึ้นจากความรักของคิทและทีมงานทุกคน และในวันนี้ที่มีคอนเทนท์มากมายในโลก ขอบคุณที่เลือกดูเรา ขอบคุณที่ทำให้เราได้กลับมา


เรามาต่อกันที่นักแสดงรับเชิญในเรื่องนี้คนแรก อย่าง “เจมส์-ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ” ที่รับบท นะนาย จาก Episode 1: นักล่าแต้ม (Pregnant) กันครับ ว่าความรู้สึกและแนวคิดของแนนโน๊ะเป็นอย่างไรบ้าง?

เล่าถึงคาแรคเตอร์ในเรื่องที่ได้รับ

ในเรื่องรับบทเป็นนะนาย จาก EP1 เป็นเด็กบ้านรวย พ่อทำธุรกิจสีเทา เติบโตมาแบบเทาๆ ตัวนะนายถูกเลี้ยงมาด้วยระบบผู้ชายเป็นใหญ่ ทำให้รู้สึกว่าตัวเองเหนือกว่าผู้หญิง ทำผู้หญิงท้องแล้วส่งไปทำแท้งตลอด ไม่มีความรับผิดชอบกับการกระทำของตนเอง

คิดว่าในซีซั่น 2 มีอะไรที่พิเศษมากขึ้น และ มีความแตกต่างจากซีซั่นแรกอย่างไร

มีหัวข้อในการพูดใหม่ที่เข้มข้นขึ้น โลกนี้มีประเด็นความไม่ยุติธรรมอยู่มากมาย ดังนั้นในซีซั่นสอง จะหยิบยกอีก 8 มุม มาถ่ายทอด ซึ่งจะเป็นประเด็นที่แตกต่างจากซีซั่นแรกแน่นอน

มีวิธีเข้าถึงคาแรคเตอร์อย่างไร และ ทำการบ้านมาอย่างไรบ้าง

ต้องเข้าใจพื้นฐานของนะนายก่อน ตั้งแต่สิ่งที่เป็นพื้นฐานที่สุดคือครอบครัว เพราะเป็นสถาบันแรกที่เติบโตมา และทำให้นะนายกลายเป็นคนแบบนี้ เช่น พ่อเป็นใหญ่กว่าแม่ ไม่เคารพแม่ ใช้เงินแก้ปัญหา ทำให้คิดว่าตัวเองทำอะไรก็ได้ ไม่ค่อยเห็นค่าของคนอื่น ถ้าเราเข้าใจตัวละครว่าเขาโตมาอย่างไร ให้คุณค่ากับอะไร ก็จะทำให้ถ่ายทอดออกมาได้

สำหรับเรา แนนโน๊ะ คืออะไร

เป็นสิ่งที่ทุกคนมีอยู่ในตัวเอง เหมือนเป็นตัวเองในเวอร์ชั่นที่เถื่อนขึ้น เป็นเงามืดของเราเอง

รู้สึกอย่างไรที่ เด็กใหม่ ซีซั่น 2 จะได้ฉายใน Netflix ที่มีผู้ชมมากกว่า 190 ประเทศทั่วโลก และ คิดว่าผู้ชมจากประเทศอื่นๆ จะสามารถอินไปกับเรื่องราว เด็กใหม่ซีซั่น 2 ได้ไหม?

ตื่นเต้นมากที่คนทั่วโลกจะได้มีโอกาสชมซีรีส์ผลงานของคนไทย โดยเฉพาะเป็นซีรีส์เรื่องเด็กใหม่ ซีซั่น 2 เพราะเรื่องราวที่นำเสนอมันน่าสนใจมาก บริบทของแนนโน๊ะมันไม่ใช่แค่ในประเทศไทย แต่เป็นบริบทความบิดเบี้ยวของโลก ประเด็นในแต่ละตอนมันเกิดขึ้นกับทุกประเทศในโลก คิดว่าคนดูจากทุกประเทศน่าจะอินตามได้ไม่ยากและเข้าใจในสิ่งที่ซีรีส์ต้องการนำเสนอ

GIRL FROM NOWHERE (L to R) CHICHA AMATAYAKUL as NANNO and TEERADON SUPAPUNPINYO as NANAI in episode 201 of GIRL FROM NOWHERE Cr. YUPANAKORN BOONPREM/NETFLIX © 2021

ต่อกันด้วย ต่าย-เพ็ญพักตร์ ศิริกุล ซึ่งรับบท ครูนฤมล จาก Episode 2: True Love ซึ่งเธอบอกเลยว่าการรับบทในครั้งนี้ไม่ใช่ตัวเธอเลย จะเป็นอย่างไรไปอ่านกันครับ

เล่าถึงคาแรคเตอร์ในเรื่องที่ได้รับ

รับบทเป็นครูชื่อนฤมล ตัวละครนี้เป็นครูที่เข้มงวดเจ้าระเบียบมาก เธอมีแบบแผนความคิดชัดเจนว่าเด็กผู้หญิงต้องมีมารยาทเรียบร้อยและประพฤติดี ในฐานะครูเธอจึงเข้มงวดและสั่งสอนนักเรียนหญิงล้วนในโรงเรียนของเธอให้ตั้งใจเรียนเท่านั้น และไม่ควรสนใจเรื่องความรักเพราะมันเป็นสิ่งที่ไม่ดี

คุณคิดว่าคาแรกเตอร์นี้มีส่วนคล้ายคลึงกับตัวคุณหรือไม่

(หัวเราะ) ไม่เลยค่ะ นิสัยเราตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง แต่ครูนฤมลเป็นตัวละครที่ไม่เหมือนใครดีนะคะ เราไม่เคยรับบทเป็นตัวละครที่เจ้าระเบียบและเรียบร้อยขนาดนี้มาก่อน นอกจากนี้ตัวละครยังมีความเก็บกดและสงสัยในตัวเองด้วยค่ะ

คุณช่วยเล่าถึงประสบการณ์ที่น่าจดจำในซีรีส์ เด็กใหม่ ซีซั่น 2 ได้ไหม

ที่จริงเรารู้จักคุณเอส (คมกฤษ ตรีวิมล ผู้กำกับ) มานานแล้ว เคยคุยกันไว้เมื่อ 2-3 ปีก่อน และเขาเคยบอกว่า เราต้องได้ร่วมงานกันสักวันหนึ่ง รู้สึกดีใจที่ในที่สุดมันก็เกิดขึ้นในปีนี้ คิดว่านี่จะเป็นอีกก้าวหนึ่งของอาชีพการแสดง ทั้งการทำงานกับ Netflix และทำงานกับทีมงานคนรุ่นใหม่ที่ไม่เคยทำงานด้วยมาก่อน เป็นเรื่องดีมากค่ะ ที่ทุกคนได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน

คุณมีอะไรจะบอกกับแฟนๆ ที่รอดูซีรีส์เรื่องนี้ไหม

เรื่องนี้เป็นผลงานชิ้นที่ 2 ของเรากับ Netflix และนี่จะเป็นสิ่งที่ยังไม่เคยเห็นจากเรามาก่อนเลย ขอฝากให้ติดตามชมกันด้วยค่ะ

GIRL FROM NOWHERE (L to R) TAI PENPAK SIRIKUL as NARUEMOL in episode 202 of GIRL FROM NOWHERE Cr. YUPANAKORN BOONPREM/NETFLIX © 2021

เราขยับมาที่ผู้กำกับซีรีส์กันบ้าง เริ่มกันที่ ไพรัช คุ้มวัน ที่กำกับในตอนที่ 1: นักล่าแต้ม (Pregnant) และตอนที่ 3: มินนี่ 4 ศพ (Minnie and the Four Bodies) เขาบอกว่าการกำกับในครั้งนี้กดดันพอสมควร จะเป็นอย่างไร ไปอ่านกันต่อเลยครับ

รู้สึกอย่างไรบ้างที่ได้กลับมากำกับซีรีส์เด็กใหม่

ตื่นเต้น เพราะรู้สึกว่าเป็นโปรเจ็คต์ที่สนุกตั้งแต่ซีซั่นแรกแล้ว พอมาถึงที่ซีซั่น 2 เราพอจะเดาได้ล่วงหน้าว่าการทำงานมันต้องสเกลใหญ่ขึ้น มีอะไรให้โชว์ ให้เล่นได้มากขึ้น และอีกอย่างรู้สึกว่าเด็กใหม่เป็นแพลตฟอร์มที่ให้ผู้กำกับได้โชว์ไอเดียของตัวเองได้ค่อนข้างเยอะ

คิดว่าความแตกต่างระหว่างเด็กใหม่ซีซั่นแรกกับซีซั่น 2 มีอะไรบ้าง และ ซีซั่น 2 มีความพิเศษมากขึ้นอย่างไร

การที่ซีซั่นนี้ได้ร่วมงานกับ Netflix การทำงานก็เป็นสเกลที่ใหญ่ขึ้น เราก็มีอิสระในการใช้จินตนาการและความคิดมากขึ้น ด้วยหลายๆอย่างที่มาซัพพอร์ต ทำให้เราสามารถถ่ายทอดภาพในหัวเกี่ยวกับแนนโน๊ะและเรื่องราวให้ออกมาเป็นจริงได้สมบูรณ์ขึ้น

ความท้าทายในการกำกับซีรีส์เรื่องนี้

เนื่องจากกระแสของซีซั่น 1 ค่อนข้างดี การกลับมากำกับครั้งนี้เลยมีทั้งความท้าทายและความกดดันที่มาพร้อมกัน แต่โชคดีที่ในซีซั่นนี้เราได้นักแสดงรับเชิญที่เบอร์ใหญ่ขึ้น แต่ละคนมีชื่อเสียงและความสามารถมาก ทำให้ซีซั่นนี้มีพลังมากขึ้น โดยส่วนใหญ่แขกรับเชิญก็จะมาเป็นเหยื่อของแนนโน๊ะในแต่ละตอน

สำหรับเรา แนนโน๊ะ คืออะไร

เป็นเหมือนบาปของแต่ละคน ที่จะตามมาหลอกหลอนและเอาคืน

นอกจาก EP ที่เรากำกับแล้ว ถ้าเลือกได้อยากลองกำกับ EP ไหน

จริงๆ EP ที่ผมกำกับคือ EP 1 Pregnant และ EP 3 มินนี่ 4 ศพ ค่อนข้างเป็น EP ที่ผมอยากกำกับเป็นพิเศษอยู่แล้ว ก็โชคดีที่ได้กำกับในตอนที่เรามีความถนัดและสนใจ แต่ถ้านอกเหนือจากตอนของเรา ผมอยากลองกำกับ EP สุดท้าย รู้สึกว่าน่าจะได้เล่นและนำเสนออะไรเยอะเหมือนกัน เพราะมันเป็นเหมือนบทสรุปทั้งหมดของเรื่องราว

เนื่องจากซีรีส์เรื่องนี้มีผู้กำกับหลายคน กำกับแต่ละ EP มีวิธีอย่างไรให้ในแต่ละ EP คุมโทนให้อยู่ในโทนเดียวกัน

ก่อนที่จะเปิดกล้อง ผู้กำกับและทีมงานแต่ละคนได้มีโอกาสมานั่งพูดคุยกัน มาแชร์สิ่งที่ตัวเองคิด สุดท้ายก็จะได้จุดร่วมตรงกลาง และมีแก่นให้แต่ละคนยึด ถึงแม้ว่า mood & tone ในแต่ละตอนจะมีความแตกต่างกันออกไปบ้าง แต่จุดประสงค์ของเรื่องจะเหมือนกันและไม่หลุดคอนเซ็ปต์ที่วางไว้

เล่าถึงการทำงานกับนักแสดงในเรื่อง

เริ่มจากคิทตี้ที่เป็นแนนโน๊ะ ผมสนุกมากในการทำงานกับคิทตี้ เพราะเขาจะเป็นคนไอเดียเยอะ เวลาแสดงผมจะลองให้เขาได้เล่นในแบบที่เขาคิดไปก่อน แล้วค่อยลองให้เล่นในแบบที่เราดีไซน์เอาไว้ เพราะบางครั้งสิ่งที่คิทตี้เขานำเสนอออกมา มันน่าสนใจและเป็นสิ่งเราเองอาจจะนึกไม่ถึง เพราะเขารู้จักตัวละครแนนโน๊ะดีมาก

ส่วนนักแสดงรับเชิญที่ได้ร่วมงานด้วย อย่าง เจมส์ ที่มารับบทนะนายในตอนแรก เป็นการทำงานที่สนุกมาก เจมส์เป็นคนพลังงานเยอะ แรงดีไม่มีตก และเขานำเสนอตัวละครไปได้ไกลกว่าที่ผมคิด เป็นนักแสดงที่ผมอยากทำงานด้วยมานานแล้ว เขาจะเป็นเด็กดี มีความตั้งใจทำงานมาก ยิ่งได้มาแสดงร่วมกับน้องนนท์ ที่เล่นเป็นเจ๋ง เพื่อนสนิทนะนายในเรื่อง เป็นส่วนผสมที่ลงตัวมาก ดูแล้วเราเชื่อว่าเป็นเพื่อนสนิทกันจริงๆ ทั้งๆที่สองคนนี้เพิ่งรู้จักกัน

สำหรับแพทริเซีย ที่มารับบทมินนี่ในตอน 3  เดิมทีเขาจะเล่นละครเป็นหลัก ตอนแรกเราก็นึกภาพไม่ออกว่าพอให้เขามาเล่นซีรีส์ที่มีการแสดงที่แตกต่างออกไปจากละคร เขาจะเล่นออกมายังไง แต่เขาเซอร์ไพรส์เรามาก เพราะถือว่าเขาทำได้ดีและเป็นอีกคนที่แรงไม่ตกเหมือนกัน เพราะทุกซีนที่ถ่ายทำมีเขาอยู่เกือบตลอด และส่วนมากจะเป็นซีนใหญ่ๆทั้งนั้น และเขาเองก็ตื่นเต้นมากที่ได้มาเป็นมินนี่ เพราะฉีกจากบทบาทเดิมที่เขาเคยได้รับ

แนนโน๊ะมีความเติบโตและเปลี่ยนแปลงจากซีซั่นที่แล้วอย่างไร

แนนโน๊ะจะมีมิติมากขึ้น และเริ่มตั้งคำถามกับบางสิ่งมากขึ้น

คาดหวังว่าผู้ชมจะได้รับอะไรจากซีรีส์เรื่องนี้

อยากให้สนุกกับแนนโน๊ะ ผมเชื่อว่าพอดูจบแล้วแก่นของเรื่องมันจะสื่อสารออกมาเอง และเรื่องนี้มันบันเทิงมากๆ มีครบทุกรสชาติ ตั้งแต่ ดราม่า สืบสวนสอบสวน ฆาตกรรม เขย่าขวัญ

รู้สึกอย่างไรที่ เด็กใหม่ ซีซั่น 2 จะได้ฉายใน Netflix ที่มีผู้ชมมากกว่า 190 ประเทศทั่วโลก

ตื่นเต้น เลยใส่กันเต็มที่ ผู้กำกับแต่ละคนพยายามที่จะจัดเต็ม ไม่ให้น้อยหน้ากัน เพื่อให้คนดูทั่วโลกสนุกไปกับเรื่องราวของเรา

Girl From Nowhere Season 2

ต่อกันด้วย คมกฤษ ตรีวิมล ผู้กำกับในตอนที่ 2: True Love, ตอนที่ 5: รับน้อง (SOTUS) และตอนที่ 8: อวสานแนนโน๊ะ (The Judgement) ที่เขาบอกเลยว่าการกำกับในครั้งนี้เขาอยากจะกำกับทุกตอนเลย!

คิดว่าความเด็กใหม่ซีซั่น 2 มีความพิเศษมากขึ้นอย่างไร

ในซีซั่น 2 นี้ ได้ร่วมงานกับ Netflix ซึ่งค่อนข้างมีผลกับผลงานที่ออกมานะ ในแง่ของคุณภาพงาน เค้าใส่ใจในรายละเอียด ให้ความสำคัญกับทุกขั้นตอน ตั้งแต่ pre-production ไปจนถึง post-production เพื่อให้ถึงมาตรฐานของเขา และสามารถเอาไปฉายทั่วโลกได้

ซีนไหนที่ชอบที่สุด

อยากตอบเหมือนดาราว่าชอบทุกตอน (หัวเราะ) อย่าง EP 2 มันจะมีความยียวน กวน เพี้ยน เน้นประเด็นความรัก เป็นแนนโน๊ะที่ซอฟท์สุดแล้ว EP 5 ก็เน้นแอคชั่น จังหวะบีบคั้นหัวใจ มีการใช้เทคนิค handheld กับกล้องให้เหมือนมุมมองของตัวละครจริงๆ ส่วน EP 8 นี่ชอบประเด็นของมัน การให้ทางเลือก ความรักของแม่ลูก ความซับซ้อน เรื่องบางเรื่องมันตัดสินผิดถูกไม่ได้ง่ายๆ เป็นอีพีปิดซีซั่นที่สมศักดิ์ศรีนะ

ความท้าทายในการกำกับซีรีส์เรื่องนี้

ตอนทำซีซั่น 1 มันมีความท้าทายในส่วนของตัวละครค่อนข้างมาก เรื่องนี้ให้อารมณ์ที่ต่างจากงานก่อนๆ ที่เคยทำมา ผมได้เห็นคิทตี้หลังจากการเวิร์คช็อปตัวละครตัวนี้ เขาตีความตัวละครได้สดใหม่ มีความแฟนตาซีสูงมาก ตรรกะต่างๆ ไม่เหมือน common sense ที่เราคุ้นเคย เราไม่สามารถใช้เหตุผลกับตัวละครตัวนี้ได้เลย แล้วยังมีประเด็นสังคมในแต่ละตอน ที่อาจจะดูรุนแรงไปบ้าง แต่มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในสังคม แค่ไม่เคยมีใครนำเสนอมันออกมาตรงๆ ซึ่งเราก็ต้องทำงานภายใต้ข้อจำกัดต่างๆ ให้มันฉายในประเทศไทยได้ด้วย

ซีซั่น 2 ก็ท้าทายมากขึ้น ด้วยความที่บางประเด็นมันดาร์คกว่าเดิม แต่ก็จะมีรสชาติบางอย่างที่แตกต่างออกไป มีอะไรเซอร์ไพรส์คนดูได้อีก

เล่าถึงการทำงานกับนักแสดงในเรื่อง

ผมประทับใจเอม (รับบท เค) นะ ตอนแสดงเขาอินมาก เขาสร้างคาแรกเตอร์ของรุ่นพี่เคขึ้นมา ซึ่งตัวละครนี้มันมีคาแรกเตอร์ที่ลึกมาก เขาทำออกมาได้ดีเลยแหละ แล้วผมก็โชคดีที่นักแสดงทุกคนเคยดูซีซั่น 1 มาแล้ว ทุกคนเป็นนักแสดงคุณภาพและมีฝีมือจัดจ้านกันทุกคน

ในซีซั่นนี้ แนนโน๊ะ มีความเหมือนหรือต่างจากซีซั่นที่แล้วอย่างไร

เราจะได้เห็นแนนโน๊ะที่ครุ่นคิดมากขึ้น มีทัศนคติต่ออะไรบางอย่างชัดขึ้น เห็นการกระทำต่างๆ คนดูได้รู้จักเขา ได้เห็นเขาในมุมอื่นๆ มากขึ้น มีความอ่อนแอ มีความลังเล เป็นตัวละครที่มีมิติมากขึ้น

คิดว่าสุดท้ายแล้ว เด็กใหม่ 2 ต้องการสื่อสารอะไรกับผู้ชม และผู้ชมจะได้รับอะไรจากซีรีส์เรื่องนี้

ความสนุก ความตื่นเต้น การได้ลุ้น การได้เห็นว่าการทำความผิดแบบนี้ มันมีผลอะไร  ธรรมชาติของแนนโน๊ะ คือการให้ทางเลือกกับคนว่าจะถลำลึกต่อ หรือจะกลับตัว คนดูจะรู้สึกว่า ทำไมตัวละครนี้ทำแบบนี้ ตัดสินใจแบบนี้ แล้วในฐานะคนดู เราคล้อยตามหรือโต้แย้ง ผมมองว่ามันเป็นการเทสต์ moral ground ของคนดูเหมือนกัน ผู้ชมจะได้มีความเห็นกับตัวละคร ได้ข้อสรุปของตัวเอง ได้มุมมองใหม่ๆ ด้วยเนื้อหาของซีรีส์ชวนให้ตั้งคำถาม ชวนให้คิด

อยากฝากอะไรถึงคนดูไหม

ให้ดูเรียงจากอีพี 1 ถึง 8 นะ อย่าดูข้าม มันจะไม่ได้อรรถรส


มาส่งท้ายในส่วนของผู้กำกับด้วย สิทธิศิริ มงคลศิริ จากตอนที่ 4: กำเนิดยูริ (Yuri) เกี่ยวกับการกำกับในครั้งนี้ที่การกลับมากำกับครั้งนี้ไม่ธรรมดาเลย!

รู้สึกอย่างไรบ้างที่ได้กลับมากำกับซีรีส์เด็กใหม่

ยินดีมากๆ เพราะเราได้ทำมาตั้งแต่ซีซั่น 1 มีความรู้สึกเหมือนเป็นหนึ่งในผู้ให้กำเนิดแนนโน๊ะ พอมีซีซั่น 2 แล้วเราได้กลับมาทำอีกก็รู้สึกว่าน่าสนุก เพราะเราก็มีความผูกพันกับแนนโน๊ะ

คิดว่าความแตกต่างระหว่างเด็กใหม่ซีซั่นแรกกับซีซั่น 2 มีอะไรบ้าง และ ซีซั่น 2 มีความพิเศษมากขึ้นอย่างไร

สิ่งที่แตกต่างคือ ประเด็นที่มีความร้อนแรงขึ้นในแต่ละตอน และมีตัวละครใหม่เพิ่มเติมเข้ามา โดยที่ตัวละครนี้มีผลต่อแนนโน๊ะและสิ่งที่จะเกิดขึ้นในเรื่อง

รู้สึกกดดันมั้ยในการกลับมากำกับซีซั่น 2 เพราะซีซั่น 1 มีผลตอบรับที่ดี

ไม่รู้สึกกดดันเลย เพราะเรามั่นใจในทีมงานทุกคนมาก ตั้งแต่ทีมครีเอเตอร์ ทีมเขียนบท ไปจนถึงนักแสดงและทีมเบื้องหลังทุกคน ทุกคนทำงานทุ่มเทกันเต็มที่มาก เมื่อมีคอนเซ็ปต์ที่ดี บทที่ดี นักแสดงที่ดี รวมถึงทีมงานที่ดี เราเลยไม่กังวลอะไร แค่ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด

สำหรับเรา แนนโน๊ะ คืออะไร

แนนโน๊ะ เป็นสิ่งที่ทุกคนมีอยู่ในตัว อาจจะซ่อนอยู่โดยที่เราไม่คาดคิด และคอยกระซิบส่งเสียงอะไรบางอย่าง ซึ่งเราไม่ได้บอกว่าแนนโน๊ะคือสิ่งที่ดีหรือไม่ดี

ช่วยเล่าถึงตอนที่กำกับให้ฟังหน่อย

ผมกำกับตอน 4 คือตอนกำเนิดยูริ แนะโน๊ะ เป็นเด็กใหม่ที่ย้ายเข้ามาในโรงเรียนที่ยูริเรียนอยู่ และแนนโน๊ะจะพาเราไปรู้จักยูริ เป็นตอนที่เรารู้สึกว่าน่าสนใจและอยากกำกับอยู่แล้ว เพราะยูริเป็นตัวละครที่สำคัญ และเราก็อยากจะถ่ายทอดตัวละครนี้ให้คนดูได้รู้จัก

แนนโน๊ะมีความเติบโตและเปลี่ยนแปลงจากซีซั่นที่แล้วอย่างไร

ซีซั่นแรกแนนโน๊ะจะมีพลังแห่งความเกรี้ยวกราด มาในซีซั่นนี้แนนโน๊ะจะมีความเติบโตขึ้น เหมือนเติบโตไปตามซีรีส์

ประสบการณ์การถ่ายทำที่ประทับใจ

ประทับใจการทำงานกับนักแสดง ทั้งคิทตี้ที่รับบทแนนโน๊ะ และนิ้งที่รับบทยูริ คิทตี้มีความเป็นมืออาชีพเหมือนเดิม เขาเป็นนักแสดงที่เก่ง พลังไม่ตกเลย จำบทได้เป๊ะมาก ไม่มีผิด จำได้แม้กระทั่งส่วนที่ไม่ใช่ของตัวเอง เป็นนักแสดงคุณภาพ ทำให้การถ่ายทำราบรื่น

ส่วนนิ้งก็มีความเป็นมืออาชีพเช่นเดียวกัน ช่วงที่เริ่มโปรเจ็คต์ใหม่ๆ เขาเพิ่งพักฟื้นจากการผ่าตัดสมอง แต่เขาอยากเล่นเรื่องนี้มาก เขาเลยพยายามอย่างเต็มที่ที่จะฟื้นฟูตัวเองกลับมาให้เร็วที่สุด มีความตั้งใจมาก

ซีนที่ชอบหรือประทับใจ

ในตอนที่ผมกำกับ ผมจะชอบซีนสุดท้ายของตอนมากเป็นพิเศษ เพราะจะรวมนักแสดงหลักของตอนนั้นไว้ทั้งหมด และเป็นการเชือดเฉือนกันด้วยการแสดง

แก่นของ EP ของเราคืออะไร

แสดงให้เห็นถึงเรื่องของชนชั้น การรังแก การกดขี่ ไปจนถึงการอยากได้อยากมี

เด็กใหม่ซีซั่น 2 ต้องการสื่อสารอะไรกับผู้ชม

เมื่อมีเรื่องราวหรือประเด็นอะไรเกิดขึ้นในสังคม มันมีแง่มุมที่มองได้หลายแบบ เราจะมีวิธีการรับมือหรือจัดการหรือรู้สึกกับสิ่งเหล่านั้นอย่างไร อย่างวิธีของแนนโน๊ะในเด็กใหม่ซีซั่น 2 ก็เป็นอีกวิธีคิดหนึ่ง ซึ่งอาจจะถูกหรือผิดก็ได้ ต้องลองติดตามกัน

คาดหวังว่าผู้ชมจะได้รับอะไรจากซีรีส์เรื่องนี้

อยากให้ผู้ชมได้ทั้งความสนุก และ ได้ลองขบคิดไปกับสิ่งที่ซีรีส์ต้องการนำเสนอ ว่าเป็นคุณจะจัดการกับสิ่งที่เกิดขึ้นในเรื่องอย่างไร ถ้ามีอำนาจแบบแนนโน๊ะจะเลือกวิธีการเดียวกับแนนโน๊ะมั้ย ต้นตอของปัญหาจริงๆคืออะไร หรือเราจะเลือกแก้ตั้งแต่ต้นตอเลยดี


ส่งท้ายด้วยบทสัมภาษณ์ผู้เขียนบท คงเดช จาตุรันต์รัศมี ที่บอกได้เลยว่าซีซั่นนี้เดือดทะลุร้อยองศากันเลยทีเดียว รวมไปถึงเรื่องราวภายใต้การเขียนบทต่างๆ ที่ถูกซ่อนไว้อีกมากมาย ไปอ่านกันครับ!

ในฐานะที่เราเป็นผู้เขียนบท เปรียบเสมือนเป็นหนึ่งในผู้ให้กำเนิดแนนโน๊ะ รู้สึกอย่างไรที่ซีรีส์เด็กใหม่ได้รับโอกาสให้มีซีซั่น 2

หลังจากซีซั่น 1 ออกฉายเรียบร้อย และได้รับกระแสดีมาก เราก็คุยกับทั้งทีมงานและได้ยินจากคนอื่นๆ ด้วย ว่าอยากให้มีภาคต่อ ก็ลุ้นอยู่ตลอดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และในที่สุดพอแนนโน๊ะได้กลับมาอีกครั้งก็ดีใจมากๆ

คิดว่าความแตกต่างระหว่างเด็กใหม่ซีซั่นแรกกับซีซั่น 2 มีอะไรบ้าง / ซีซั่น 2 มีความพิเศษมากขึ้นอย่างไร

เราตั้งใจไว้ว่าถ้ามีซีซั่น 2 อย่างแรกเลยคือซีซั่นนี้ต้องเดือดมากกว่าเดิม พูดถึงปัญหาที่มีความร่วมสมัยมากขึ้น และตัวละครแนนโน๊ะจะต้องมีการพัฒนาจากเดิม ไม่ใช่แค่เรื่องราวจบในตอนเฉยๆ แต่ว่าจะต้องมีอะไรให้น่าติดตามมากกว่านั้น ทั้งหมดนี้คือโจทย์ของเราตั้งแต่ต้นเลย

ในซีซั่น 2 ได้มีการหยิบยกเหตุการณ์จริงที่เป็นข่าว มานำเสนอ ทำไมถึงเลือกที่จะนำเสนอเหตุการณ์เหล่านี้

เรื่องการนำเสนอเหตุการณ์จริง เป็นคอนเซ็ปต์ของแนนโน๊ะและซีรีส์เด็กใหม่อยู่แล้ว เพราะมันจะต้องสะท้อนอะไรบางอย่างที่เกิดขึ้นในสังคม ดังนั้นตั้งแต่ซีซั่นแรกเราก็ได้แรงบันดาลใจมาจากข่าวต่างๆอยู่แล้ว พอมาในซีซั่น 2 เราก็ใช้รูปแบบเดิม แต่อย่างที่บอกว่ามันมีประเด็นที่ร่วมสมัยมากขึ้น และเราก็ไม่นำมาเสนอตรงๆ เรานำมาเป็นแรงบันดาลใจ และมีการครีเอทสถานการณ์ต่างๆที่น่าสนใจเพิ่มเติมลงไปอีก

สำหรับเรา แนนโน๊ะ คืออะไร

เราไม่ตีกรอบว่าแนนโน๊ะคืออะไรเป็นพิเศษ จะว่าเป็นกรรมก็ใช่ เป็นการแก้แค้นก็ใช่ มันตีความได้หลายอย่าง เพื่อที่ว่าพื้นที่ของความเป็นแนนโน๊ะจะได้ไปได้ไกลขึ้น เป็นอะไรได้เยอะขึ้นในอนาคต

เนื่องจากซีรีส์เรื่องนี้มีผู้กำกับหลายคน กำกับแต่ละ EP ผู้กำกับแต่ละท่าน มีมาปรึกษาถึงรายละเอียดการตีความและดีเทลของบทบ้างมั้ย

จะมีหลายๆคนมาปรึกษาครับ อย่าง เอส (คมกฤษ ตรีวิมล) หรือ โดม (สิทธิศิริ มงคลศิริ) เวลาเขาอ่านบทแล้วเขามีไอเดียอะไรเพิ่มเติม เช่น อยากจะปรับบางส่วน หรือเพิ่มบางอย่าง เขาก็จะมาปรึกษา และเวลาเราเขียนบทเสร็จ และบทไปอยู่ในมือผู้กำกับแล้ว เขาก็มีสิทธิ์ที่จะนำไปเพิ่มเติมหรือปรับอะไรต่างๆ แต่ว่ามันก็จะอยู่บนการพูดคุยกันว่ามันควรจะเป็นยังไง แรกเริ่มที่เราคิดไว้มันเป็นแบบไหน เราเห็นตรงกันหรือเปล่า แต่งานสร้างสรรค์มันก็จะเป็นลักษณะนี้ คือเราสามารถแชร์ไอเดียกันได้

ในฐานะที่พี่คงเดช ก็เป็นผู้กำกับด้วย นอกจากเขียนในเด็กใหม่แล้ว เคยอยากกำกับดูบ้างมั้ย / ถ้าเลือกได้อยากลองกำกับ  EP ไหน

ตั้งแต่ซีซั่น 1 ก็มีหลายตอนนะครับ ที่เคยคิดว่าถ้าเรากำกับจะเป็นยังไง ส่วนใหญ่จะมีความคิดลักษณะนี้มากกว่าที่จะอยากกำกับตอนไหนเป็นพิเศษ เพราะงานกำกับมันจะเป็นเรื่องของรสมือแต่ละคน ว่าจะสร้างสรรค์ออกมาในลักษณะไหน มีรสนิยมแบบไหน และเวลาเรานั่งดูงานที่เสร็จออกมา ความสนุกมันก็อยู่ตรงนี้ด้วยว่ามันออกมาเป็นแบบนี้ก็ได้เหมือนกันนะ ทำให้ทั้งๆที่เราเป็นคนเขียนบทเอง แต่เวลาที่เรานั่งดูเราเลยยังรู้สึกสนุกกับมันอยู่เสมอ

แต่ถ้าให้เลือกกำกับสักตอนจริงๆในซีซั่น 2 เราอยากลองกำกับตอนกำเนิดยูริ เพราะเป็นตัวละครที่น่าสนใจและเราอยากลองเล่าถึงตัวละครนี้ดู

แนนโน๊ะมีความเติบโตและเปลี่ยนแปลงจากซีซั่นที่แล้วอย่างไร

เราจะเห็นเจตจำนงและอุดมการณ์ของแนนโน๊ะมากขึ้น เห็นว่าแนนโน๊ะจะเลือกทำสิ่งนี้ แต่ไม่ทำสิ่งนี้ เพราะอะไร

คิดว่าสุดท้ายแล้ว เด็กใหม่ 2 ต้องการสื่อสารอะไรกับผู้ชม

อยากให้แนนโน๊ะทำให้ผู้คนได้ตระหนักว่ามันมีบางอย่างที่ไม่ปกติขึ้นในสังคม แล้วเริ่มตั้งคำถาม และลองคิดดูว่าถ้ายังมีสิ่งนี้เกิดขึ้นเรื่อยๆ มันจะเกิดอะไรขึ้นได้บ้าง

ความรู้สึกที่ได้ร่วมงานกับ Netflix และผลงานของเรามีโอกาสได้ฉายไปกว่า 190 ประเทศทั่วโลก

ดีใจ เพราะส่วนตัวแพล็ตฟอร์มที่เราดูบ่อยที่สุดก็คือ Netflix เวลางานของเราเองได้ฉายที่ Netflix เลยรู้สึกภูมิใจ และรู้สึกว่านี่เป็นสตรีมมิ่งที่เป็นอันดับ 1 ของโลกประมาณนึงเลย ดังนั้นการที่มีออริจินัลคอนเทนต์จากประเทศไทยที่มีคุณภาพฉายอยู่บน Netflix ก็นับเป็นความก้าวหน้าของวงการหนังและซีรีส์ในบ้านเราไปด้วยในตัว

เตรียมเปิดเทอมใหม่ กับ เด็กใหม่ ซีซั่น 2 วันนี้ ทาง Netflix