fbpx

เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2564 ภาคีโคแฟค ประเทศไทย ได้จัดการเสวนา Cofact Talk ภายใต้หัวข้อ “ข่าวลวงวัคซีน กับทฤษฎีสมคบคิด” โดยได้แขกรับเชิญ ได้แก่ คุณสมชัย สุวรรณบรรณ อดีตผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ถือเป็นการพูดคุยสายตรงจากอังกฤษผ่านทาง Twitter Space ถึงแนวทางการฉีดวัคซีน และการตื่นตัวของคนในประเทศอังกฤษอีกด้วย

จำนวนผู้ติดเชื้อ ณ วันที่ 9 พฤษภาคม 2564 มีจำนวน 1,872 คน ในขณะที่ยอดการฉีดวัคซีนนั้นส่วนใหญ่เป็นวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้า เนื่องจากมีโรงงานอยู่ในประเทศ มีต้นทุนต่ำ และการจัดเก็บง่าย รองลงมาคือวัคซีนของไฟเซอร์ โดยมีผู้ที่ฉีดวัคซีนเข็มแรก 35 ล้านคน และคนที่ฉีดครบโดสแล้ว 17 ล้านคน รวมกันเกือบครึ่งหนึ่งของสหราชอาณาจักรแล้ว โดยผู้ที่มีอาการลิ่มเลือดจากผลข้างเคียงในการฉีดวัคซีนของแอสตร้าเซนิกาจำนวน 79 คน (ตัวเลข ณ เดือนมีนาคม 2564) และ 2 ใน 3 เป็นผู้หญิง นอกเหนือจากนี้ 19 จาก 79 คนเสียชีวิตจากผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น

โดยจากการสำรวจพบว่าผลข้างเคียงจากวัคซีนแอสตร้าเซนิกามีค่อนข้างต่ำ แต่ก็ถูกพูดถึงว่าเมื่อฉีดแอสตร้าเซนเนก้าในเข็มแรกแล้ว ควรฉีดเข็มที่สองไหม? ซึ่งหมอก็ได้แจ้งบอกว่าควรฉีดเข็มสองในกรณีที่ผลข้างเคียงในเข็มแรกไม่ได้เกิดขึ้น โดยระยะเวลาห่างคือ 12 สัปดาห์ ซึ่งห่างจากประเทศอื่นๆ ที่ฉีดสองเข็มห่างกัน 2 สัปดาห์เท่านั้น เนื่องจากเป็นยุทธศาสตร์ในการป้องกันประชาชนจากวัคซีน และทำให้การจัดสรรวัคซีนมีเพียงพอต่อความต้องการต่อไปด้วย รวมไปถึงการที่ต้องส่งออกวัคซีนไปที่ประเทศอินเดียอีกด้วย ทำให้อาจจะไม่เพียงพอได้

นอกจากนี้นายกรัฐมนตรีของสหราชอาณาจักรยังปรับมาตรการ คาดการณ์ว่าเวลา 14.00 น.ตามเวลาสหราชอาณาจักร จะประกาศให้สามารถเปิดร้านอาหาร ผับ และโรงแรมได้ปกติ แต่เฉพาะภายในประเทศเท่านั้น ซึ่งถือเป็นข่าวดีเลยทีเดียว จากปกติที่ให้ทานภายนอกร้านและซื้อกลับบ้านเท่านั้น

ในขณะที่สถานการณ์สื่อในสหราชอาณาจักรนั้น ยังถือเป็นสถานการณ์ที่ไปได้ด้วยดี เนื่องจากสื่อมีมาตรการในการตรวจสอบผ่านคณะกรรมการต่างๆ เช่น สื่อโทรทัศน์ที่มี กสทช. ของสหราชอาณาจักร หรือคณะกรรมการด้านสื่อที่กำกับดูแลสื่อสิ่งพิมพ์ ในขณะที่สื่อออนไลน์หรือ Social Media นั้นกลับยังมีข่าวลวงจำนวนมาก โดยเฉพาะการเชื่อมโยงวัคซีนกับศาสนา ซึ่งทางรัฐบาลและผู้นำทางศาสนาก็แก้เกมด้วยการเปิดโบสถ์เป็นสถานที่ฉีดวัคซีนในรูปแบบ 7 วัน 24 ชั่วโมง หรือการที่ผู้นำสำคัญๆ ก็ได้ฉีดวัคซีนเองให้ประชาชนได้ติดตามกันเลยทีเดียว

ในสหราชอาณาจักรนั้นเน้นการสั่งจองไว้ก่อนผ่านผู้ผลิตวัคซีนเจ้าต่างๆ ซึ่งทำให้ยอดการจองมากกว่าจำนวนประชากรทั้งประเทศ คูณด้วย 2 เข็ม (โดส) (ประชากรโดยประมาณ 66 ล้านคน) ถึง 3-4 เท่า แน่นอนว่าเป็นความเสี่ยงในการจองฉีดวัคซีน เนื่องจากผลการวิจัย ณ ขณะนั้นยังไม่นิ่ง แต่ถือเป็นยุทธศาสตร์หนึ่งในการจัดหาวัคซีนเพื่อส่งมอบให้กับประชาชน นอกเหนือจากนั้นยังไม่มีสิทธิพิเศษให้กับผู้นำต่างๆ ทุกคนเท่าเทียมกันในการฉีดวัคซีน โดยเน้นการฉีดวัคซีนแบบปูพรมทั่วประเทศ ไม่กระจุกตัว และที่สำคัญคือวัคซีนตัวไหนส่งมอบก่อนก็จัดสรรฉีดวัคซีนก่อน โดยสหราชอาณาจักรเป็นประเทศแรกที่สั่งจองวัคซีนจากไฟเซอร์ และเจ้าอื่นๆ รวมกันมากกว่า 500 ล้านโดส

เมื่อถามถึงเรื่องข่าวสารในสหราชอาณาจักรแล้ว ในประเทศเองมีกฎเกณฑ์ในการให้ข่าวสารและการให้ข้อเท็จจริง รวมไปถึงการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่างๆ เพื่อให้ถูกต้องและตรงประเด็นมากที่สุด

ติดตาม Cofact ได้ผ่านทาง www.cofact.org หรือ Facebook : Cofact