fbpx

บริษัท บางกอก โพสต์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยงบการเงินประจำไตรมาส 1/2564 แก่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2564 โดยรายงานพบว่ามีรายได้ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 21 ล้านบาทโดยประมาณ และขาดทุนมากกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยมียอดขาดทุนอยู่ที่ 192 ล้านบาท

สำหรับรายได้ของบางกอก โพสต์ถูกแบ่งออกมาเป็น รายได้จากสื่อสิ่งพิมพ์และโฆษณา โดยในไตรมาส 1/2564 มีรายได้จากลูกค้าอยู่ที่ 48,637,000 บาท และรายได้ระหว่างส่วนงานอยู่ที่ 1,318,000 บาท ทำให้รายได้รวมอยู่ที่ 49,955,000 บาท น้อยกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 79,476,000 บาท ทำให้ในไตรมาสที่ 1/2564 มียอดขาดทุนของส่วนงานอยู่ที่ 28,006,000 บาท

สำหรับส่วนต่อมา คือรายได้จากการผลิตรายการโทรทัศน์ มีรายได้อยู่ที่ 14,891,000 บาท มากกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 10,190,000 บาท และยังทำให้ในส่วนนี้มีกำไรอยู่ที่ 3,404,000 บาท มากกว่าไตรมาส 1/2563 ที่ขาดทุนอยู่ที่ 5,787,000 บาท และรายได้อื่นๆ มีรายได้อยู่ที่ 25,326,000 บาท มากกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ส่วนนี้อยู่ที่ 20,780,000 บาท ทำให้ในไตรมาส 1/2564 ทำกำไรจากส่วนงานนี้ที่ 1,180,000 บาท มากกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มียอดขาดทุนในส่วนนี้อยู่ที่ 1,918,000 บาท

ทำให้รายได้รวมหลังหักระหว่างส่วนงานอยู่ที่ 88,854,000 บาท น้อยกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 109,730,000 บาท และทำให้มียอดขาดทุนสำหรับงวด 1/2564 อยู่ที่ 192,893,000 บาท มากกว่าไตรมาสที่ 1/2563 ที่ขาดทุนเพียง 90,536,000 บาท

โดยนอกเหนือจากนั้น เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2564 ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเปิดให้ซื้อขายหลักทรัพย์ POST ตามที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้ประกาศให้หลักทรัพย์ของบริษัท บางกอก โพสต์ จำกัด (มหาชน) (POST) เข้าข่ายต้องปรับปรุงฐานะการเงินและการดำเนินงานระยะที่ 1 (NC ระยะที่ 1) กรณีงบการเงินประจำปี 2563 มีส่วนของผู้ถือหุ้นน้อยกว่าศูนย์ ตั้งแต่วันที่ 8 มีนาคม 2564 โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ขึ้นเครื่องหมาย NC (Non-compliance) และเครื่องหมาย SP (Suspension) หลักทรัพย์ของ POST ต่อมาบริษัทได้แจ้งแนวทางฟื้นฟูกิจการที่บริษัทเห็นว่าจะเป็นประโยชน์ต่อบริษัทและผู้ถือหุ้น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จึงเห็นควรให้ดำเนินการเปิดให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ของ POST ระหว่างวันที่ 16 เมษายน 2564 ถึงวันที่ 17 พฤษภาคม 2564 โดยผู้ลงทุนต้องซื้อหลักทรัพย์ด้วยบัญชี Cash Balance กล่าวคือ ผู้ซื้อต้องชำระเงินทั้งจำนวนก่อนการซื้อหลักทรัพย์

นอกจากนั้นตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจะขึ้นเครื่องหมาย NC กำกับตลอดระยะเวลาที่ให้มีการซื้อขายหลักทรัพย์ เพื่อเตือนผู้ลงทุนให้ใช้ความระมัดระวังในการซื้อขายหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจะกำหนดให้หลักทรัพย์ POST มีราคาสูงสุดและต่ำสุด (Ceiling & Floor) ไม่เกินหนึ่งเท่าจากราคาซื้อขายครั้งสุดท้าย โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน 2564 ซึ่งเป็นวันแรกที่มีการซื้อขาย (อย่างไรก็ดี หากในวันที่ 16 เมษายน 2564 ไม่มีการซื้อขายหลักทรัพย์ดังกล่าว ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจะใช้เกณฑ์ราคาสูงสุดและต่ำสุด (Ceiling & Floor) นี้ต่อเนื่องไปจนกว่าจะมีการซื้อขายหลักทรัพย์นั้น) และเมื่อได้มีการซื้อขายหลักทรัพย์ POST แล้ว ในวันทำการถัดไปราคาสูงสุดและต่ำสุด (Ceiling & Floor) ของหลักทรัพย์ POST จะถูกปรับให้เป็นไปตามเกณฑ์ปกติ

และเมื่อครบระยะเวลาดังกล่าว (คือ ตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคม 2564 เป็นต้นไป) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจะหยุดพักการซื้อขายหลักทรัพย์ของ POST โดยขึ้นเครื่องหมาย SP จนกว่าบริษัทจะแก้ไขให้มีคุณสมบัติครบถ้วนที่จะกลับมาซื้อขายได้ตามปกติ หรือหากไม่สามารถดำเนินการได้ภายในเวลาที่กำหนด ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย อาจจะพิจารณาการเพิกถอนหลักทรัพย์จากการเป็นบริษัทจดทะเบียนต่อไป

POST อยู่ระหว่างวางแผนเพื่อแก้ไขเหตุเพิกถอน ได้แก่ การเพิ่มทุน หาโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจ และปรับโครงสร้างองค์กร โดยอยู่ระหว่างพิจารณาแต่งตั้งที่ปรึกษาทางการเงิน เพื่อจัดทำแผนธุรกิจซึ่งจะนำเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาต่อไป