fbpx

บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) ส่งงบการเงินประจำไตรมาสที่ 1/2564 แก่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อเช้าวันนี้ (17 พฤษภาคม 2564) โดยแจ้งว่ามีรายได้ทั้งสิ้นกว่า 442 ล้านบาท และทำกำไรประจำไตรมาสอยู่ที่ 111 ล้านบาท

โดยรายได้แบ่งเป็น ธุรกิจขายสิทธิ์จากการขายในประเทศไทย จำนวน 252,000,000 บาท, ขายสิทธิ์ในต่างประเทศ จำนวน 163,000,000 บาท และรายได้ระหว่างส่วนงานอีก 5,000,000 บาท รวมทั้งหมดเป็น 420,000,000 บาท มีกำไรจากส่วนงานนี้อยู่ที่ 218,000,000 บาท กำไรเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน แต่รายได้ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยไตรมาส 1/2563 มีรายได้ส่วนนี้อยู่ที่ 426,000,000 บาท และกำไรส่วนงานอยู่ที่ 183,000,000 บาท

อีกส่วนงานหนึ่งคือธุรกิจการให้บริการโฆษณา มีรายได้อยู่ที่ 4,000,000 บาทจากในประเทศไทย และรายได้ระหว่างส่วนงานอยู่ที่ 7,000,000 บาท ทำให้มีรายได้รวมอยู่ที่ 11,000,000 บาท ขาดทุนจากส่วนงานนี้อยู่ที่ 17,000,000 บาท มากกว่าไตรมาส 1/2563 ที่มีรายได้แค่ 7,000,000 บาท และขาดทุนน้อยกว่าไตรมาสนี้ที่ 9,000,000 บาท

ทำให้รายได้ทั้งหมดอยู่ที่ 442,525,000 บาท เมื่อรวมกับรายได้อื่นๆ อีก 19,518,000 บาท หลังจากหักค่าใช้จ่ายต่างๆ ทำให้พบว่ามีกำไรสำหรับงวดอยู่ที่ 99,403,000 บาท และกำไรเบ็ดเสร็จหลังรวมกับกำไรจากภาษีเงินได้จะเป็น 111,758,000 บาท มากกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรเพียง 95,264,000 บาท

โดยเหตุการณ์หลังรอบบัญชีพบว่า เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2564 บริษัทฯได้เข้าทำสัญญาซื้อขายหุ้นกับกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมของ บริษัท ดีเอ็น บรอดคาสท์ จำกัด โดยเข้าซื้อหุ้นสามัญทั้งหมด จำนวน 50 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 100 ของหุ้นทั้งหมดของบริษัทดังกล่าว รวมมูลค่า 5 ล้านบาท และรับโอนสิทธิเรียกร้องในการรับชำระคืนเงินกู้และดอกเบี้ยจากเจ้าหนี้ของบริษัทดังกล่าว รวมมูลค่า 2,382 ล้านบาท โดยบริษัทฯ        จะต้องชำระค่าตอบแทนในการรับโอนสิทธิเรียกร้องดังกล่าว เป็นจำนวนประมาณ 1,055 ล้านบาท ให้แก่เจ้าหนี้ของบริษัทดังกล่าวรวมมูลค่าการลงทุนทั้งสิ้นประมาณ 1,060 ล้านบาท โดยบริษัทฯได้รับโอนหุ้นจากกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมของ DN และรับโอนสิทธิเรียกร้องในการรับชำระคืนเงินกู้และดอกเบี้ยจากเจ้าหนี้ของ DN เรียบร้อยแล้ว จึงทำให้ DN มีสถานะเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2564 ที่ประชุมสามัญประจำปีผู้ถือหุ้นของบริษัทฯได้มีมติที่สำคัญ คืออนุมัติให้จัดสรรเงินกำไรสะสมเพื่อเป็นสำรองตามกฎหมายจำนวน 12.7 ล้านบาท และจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นจากกำไรของปี 2563 ในอัตราหุ้นละ 0.2070 บาท คิดเป็นเงินปันผลทั้งสิ้น 125.7 ล้านบาท โดยกำหนดการจ่ายปันผลเป็นเงินสดในวันที่ 28 พฤษภาคม 2564

สำหรับรายได้ตามช่องทางนั้นโดยรวมในไตรมาสนี้มีการเติบโตขึ้นจำนวน 26.45 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 19.44 เนื่องจากมีการขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้นด้วย โดยสิทธิ์ที่ขายเพื่อใช้ในทีวีดิจิตอล 209.24 ล้านบาท, บนทีวีดาวเทียม 26.84 ล้านบาท, Video On demand 240,000 บาท และสิทธิ์ที่ขายมากกว่าหนึ่งช่องทาง ได้แก่ ทีวีดิจิตอลและดาวเทียม 620,000 บาท, ทีวีดิจิตอลและวีดิโอ ออนดีมานต์ 14.54 ล้านบาท และทีวีดาวเทียมและวีดิโอ ออนดีมานต์ 162.52 ล้านบาท รวมทั้งหมด 414 ล้านบาท