fbpx

เพราะ Drag มีอะไรที่มากกว่า LGBTIQ+ – ปันปัน แพนแพน นาคประเสริฐ

หมายเหตุเนื้อหา : เนื้อหาบางส่วนถูกปรับปรุงจากครั้งแรกที่ลงทางเว็บไซต์ส่องสื่อ (8 ตุลาคม 2561) และในบทสัมภาษณ์มี “อาร์ต อารยา” ร่วมวงในการสัมภาษณ์ ครั้งที่เปิดตัวรายการ Drag Race Thailand ซึ่งทางเว็บไซต์ส่องสื่อขอนำเนื้อหามา Rewrite อีกครั้งในช่วง Pride Month ปี 2564


แน่นอนว่าทุกครั้งที่เราเห็น “ปันปัน นาคประเสริฐ” ก็จะต้องพบเขาในตัวตนที่มีความสนุกสนาน การจิกกัดของเขา ซึ่งในครั้งนี้ส่องสื่อได้นำเนื้อหาบทสัมภาษณ์ครั้งที่เขาฟอร์มทีม ในฐานะทีมพิธีกรรายการ Drag Race Thailand มาให้อ่านกันอีกครั้ง รับรองว่าบทสัมภาษณ์ที่คุณจะได้อ่านต่อไปนี้มันแบบครบเครื่องจริงๆ นี่ขนาดบทสัมภาษณ์ยังจะแซ่บขนาดนี้ แล้วรายการจะแซ่บขนาดไหน? เพราะฉะนั้น เปิดใจให้พร้อม แล้วไปอ่านบทสัมภาษณ์นี้กันครับ ว่าแต่พี่ปันพร้อมรึยังครับ?
ปันปัน : พร้อมค่ะ!

งั้นเริ่มกันเลยดีกว่า!

ปกติปันปันทำอะไรบ้าง?

ปันปัน : ปกิณกะ (พี่อาร์ต : ปันปันเป็นครูด้วย) ปันเป็นครูสอนเต้น Waacking ปันเต้นคนแรกเลย แล้วก็เป็นนางโชว์ที่ Maggie Choo’s ด้วย ทุกวันอาทิตย์ แล้วก็ทำงานกับ Drag Race Thailand ไงค่ะ (หัวเราะเบาๆ) ขอบคุณนะคะ ได้เงินนะคะที่ถ่ายรายการเนี่ย ขอบคุณนะคะ ขอบคุณคะ (เสียงสูงและหัวเราะเบาๆ) แล้วก็ขโมยลักทรัพย์เล็กน้อยคะ ไม่มีอะไรมาก (หัวเราะ) 
อาร์ต : ปันก็บิดเรื่องตลอดเว…
ปันปัน : ปรุ๊ววววววว (เสียงสูง)

แล้วตอนนี้พี่อาร์ตยังทำงาน Styling อยู่เหมือนเดิมไหม?

อาร์ต : ยังทำอยู่ แต่น้อยลง อย่างตอนนี้ก็ไปเป็น Creative Director ให้กับ L’official Thailand มา (เข้าไปรับตำแหน่งมาเมื่อไหร่?) ไม่ได้เรียกว่าเข้าไปรับตำแหน่ง ไม่เรียกว่ามาแทนพี่ไก่ด้วย เรียกว่าเขาเลือกเราไปแก้ปัญหาเฉพาะหน้า หลังจากนี้ต้องติดตามความเปลี่ยนแปลง ตั้งแต่กุมภาพันธ์นี้เป็นต้นไปคะ คือดิฉันเข้าไปล้างบางเลย
ปันปัน : ส่วนปันวันนี้มาถ่ายรูปโป๊ตัวเอง (หัวเราะ)

ภาพ : กรุงเทพธุรกิจ

รู้สึกยังไงบ้างที่ได้เข้ามาเป็นส่วนนึงของ Drag Race Thailand?

ปันปัน : เป็นเกียรติมาก เป็นความฝัน แล้วก็เป็นสิ่งที่ปันไม่คาดฝันเลย เพราะว่าไม่นึกว่า RuPual’s Drag Race จะมาเมืองไทย แล้วก็บอกเลยว่ามีความสุขมากที่มีเพจอย่าง Drag Race Thai Fans เพราะรู้สึกว่าคนไทยเราก็ชื่นชมกับศิลปะนี้ และรัก Drag Queen เข้าใจว่ามันคืออะไร แล้วมันควรที่จะเป็นอะไร? แล้วก็ยอมรับว่า Drag ว่ามันคือวัฒนธรรมที่กำลังเติบโตในเมืองไทย ปันรู้สึกว่าหลายๆคนเข้าใจแล้วว่ามันคืออะไร เพราะฉะนั้นก็เป็นความฝันของเราเป็นอย่างสูงสุดที่ได้เป็นหนึ่งใน Drag Race Thailand

ความแปลกใหม่ที่จะได้พบใน Drag Race Thailand แตกต่างจากต้นฉบับยังไง?

ปันปัน : อย่างแรกเลยคือมี Host 2 คน คือพี่อาร์ต (อารยา อินทรา) เป็นพิธีกรหลัก แล้วเราก็เป็นพิธีกรร่วม อันนี้ก็เป็นตัวอย่างที่แตกต่างแล้ว นอกจากนั้นก็คือ “คนไทยไม่แพ้ชาติใดคะ” เพราะฉะนั้น เราก็จะได้เห็นวัฒนธรรมของไทย แล้วก็ได้เห็นแง่มุมต่างๆที่น่าสนใจของคนไทย เรามองว่าเมืองไทยเป็นเมืองที่มีอาหารหลากหลาย วัฒนธรรมก็หลากหลาย เพราะฉะนั้นสิ่งที่จะเห็นในรายการคือความเป็นไทยซึ่งมันจะเอาไปใส่ยังไงให้มันเป็น International มากซึ่งมันคือวัฒนธรรมการแต่ง Drag เพราะสำหรับปัน ปันคิดว่าวัฒนธรรมการแต่ง Drag ไม่ได้มาจากเมืองไทย เพราะฉะนั้น เราจะเอาสิ่งที่เป็นไทยไปใส่ในคุณภาพของความเป็น International ของวัฒนธรรมการแต่ง Drag

ความยากง่ายที่ได้มาเป็น Host ในรายการ? เพราะคนดูคาดหวังกับ RuPaul เยอะมาก

อาร์ต : ก็ให้เขาคาดหวังไปสิ เพราะเราสองคนไม่ใช่ RuPaul คนที่เขาคาดหวัง RuPaul ก็คงต้องไปดูเขา นี่เป็น Drag Race Thailand ไม่ใช่ RuPaul’s Drag Race มันจบในตัวไง จริงๆแล้วมันไม่ได้ยาก และมันก็ไม่ได้ง่าย แต่ที่เรากังวลคือด้วยความที่คนเขาคาดหวังสูง แล้วเขาเอาเราไปเปรียบเทียบกับต้นฉบับ สิ่งที่เราต้องทำคือเราต้องไม่คิดเรื่องนั้น แค่นั้นเอง

ปันปัน : ใช่ That’s only one RuPaul. มันจะมี RuPaul แค่คนเดียว ปันรู้สึกว่าเราก็เป็นตัวของตัวเองให้มากที่สุด แล้วก็ไม่ด่วนสรุปอะไรก่อน เพราะว่าคนจะด่า จะหาเรื่องอะไรก็ด่าได้ ขนาดชุดมารีญายังโดนด่าเลย เพราะฉะนั้น อีปันกับอีพี่อาร์ตก็ต้องโดนด่าแน่นอน

อาร์ต : สำหรับเจ้ เจ้คิดแค่ว่า “ดิฉันถูกเลือกให้มาทำตรงนี้” เพราะฉะนั้นคนที่ด่าเรา เราก็แค่บอกว่า “คุณไม่ได้ถูกเลือก” ฉะนั้นก็เงียบไปซะ!

ปันปัน : แต่ปันชอบนะคนด่า เพราะคนด่าเสร็จปุ๊ปมัน ปันก็จะหาที่อยู่นาง แล้วก็ตามไปถามนางที่บ้านว่าทำไมนางถึงพูดแบบนี้ พร้อมกับก้อนขี้หมา (หนึ่งก้อน?) สองสามก้อน อาจจะก้อนขึ้ปันด้วย (หัวเราะ) พูดเล่นนะ 5555

อาร์ต : เราก็แค่ทำให้เต็มที่ก็พอ เพราะอีกอย่างนึง เขาคงเกิดไม่ทันตอนที่พี่ทำด้วยซ้ำ แล้วจะอะไรกันหนักกันหนากับชีวิตของเรา 

ซีซั่นแรก เราค้นหาผู้เข้าแข่งขันยังไง มีคุณสมบัติแบบไหน?

อาร์ต : สำหรับพี่อาร์ต พี่มองว่าใครก็ตามที่ทำให้เรารู้สึกเซอร์ไพร์ส ใครก็ตามที่มีพลังงานอะไรบางอย่างที่ไม่เหมือนคนอื่น คนนั้นโดน แล้วพอเราได้พูดคุยกับเขา ได้สัมภาษณ์เขา ถ้าเขามีออร่าออกมา มีเสน่ห์ อยากดูเขา ดูจริตเขา เราเลือกเขา มันมีคนมาเยอะ แต่เราไม่เลือกเยอะ คนก็เกลียดมาเยอะ (หัวเราะ) ที่เราไม่เลือกเขา เขาก็มาโวยวายตีโพยตีพายแบบนี้ แต่มันก็ไม่ใช่ปัญหาของเรา เพราะว่าคุณมีบางอย่างที่เป็นพลังงานด้านลบ คือถ้าใครมีพลังงานด้านลบเยอะๆ เราไม่เอาเลย เพราะว่าเรามีความรู้สึกว่า ในรายการเราไม่ได้เน้นดราม่า ชีวิตทุกคนดราม่าในตัวอยู่แล้ว เราไม่เน้น มันมาของมันเองแต่สิ่งที่เราเน้นคือ คุณภาพในด้านอื่นๆมากกว่า ว่าศิลปะ การแสดง ความคิด บุคลิกภาพ เราเน้นตรงนั้นมากกว่า 
ปันปัน : ส่วนปันนะ ปันคิดว่าคนที่จ่ายตังค์ 1,500 บาท แล้วปันก็ให้เข้าคะ
อาร์ต : อีดอก! (หัวเราะทั้งคู่)
ปันปัน : ใต้โต๊ะๆ (หัวเราะ)

โจทย์ในแต่ละสัปดาห์ คิดว่าสัปดาห์ไหนที่พีคสุดๆ

อาร์ต : มันพีคขึ้นไปเรื่อยๆ คือเอาตรงๆ ด้วยความที่เป็น Executive Producer ในรายการด้วย โจทย์มันจะค่อยๆเพิ่มจาก “เบๆพื้นๆฟลอร์ๆ” แล้วก็เพิ่มมากขึ้น ตอนนี้เราอัดเทปไปได้ครึ่งทางแล้ว ผู้เข้าแข่งขันโอดครวญกันทุกเทปเลย ร้องไห้กันทุกอาทิตย์คะ ไม่ต้องห่วง

มีอะไรที่พีคๆในรายการบ้างไหม?

อาร์ต : พวกเรานี่แหละ! พีคกันเองอ่ะ Peekaboo (จ๊ะเอ๋) ตลอดเวลา (หัวเราะ) บอกไม่ได้ มันเป็นความลับ

คนไทยคิดว่าการมาประกวดแบบนี้ คือต้องมี Lip sync แน่ๆ

อาร์ต : ใช่ คือมันก็ต้องมีด้วย คือถ้าเขาไม่เคยดู RuPaul’s Drag Race เขาก็ต้องคิดว่ามันเป็นแบบนั้น แต่ถ้าเขาได้ดูรายการของเราตั้งแต่วันแรกจนถึงจบแต่ละตอน เขาจะเข้าใจมากขึ้นว่า “ทำไมชีวิตเธอมันยากจังว่ะ?” ก็เป็นเหมือนกับกิจกรรมอื่นๆของรายการเรียลลิตี้โชว์อื่นๆ มันก็ต้องมีโจทย์ที่เอามาให้ผู้เข้าแข่งขันที่เด็ดที่สุด แซ่บที่สุดอยู่

ชอบอะไรใน Drag Race Thailand บ้าง?

ปันปัน : ชอบการทำงานกับพี่สาวสุดสวย (หันไปกอดพี่อาร์ต) 
อาร์ต : My Darling!
ปันปัน : ได้เรียนเยอะมาก คือบอกเลยว่า ประสบการณ์ที่ได้ทำงานกับพี่อาร์ตเนี่ย คือได้เรียนรู้อะไรเยอะมาก ที่เกี่ยวกับแฟชั่น วัฒนธรรมหลายๆอย่างที่ปันไม่เคยคิดว่าจะได้รู้มาก่อน เพราะฉะนั้นเป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆ ได้เห็น Creative ของ Drag เมืองไทยว่าเด็กๆ มาจากไหน อะไรยังไง แตกต่างมาก ซึ่งเป็น perspective อีกอย่างหนึ่งที่ไม่เหมือนกับ Drag ของเมืองนอก เพราะฉะนั้น ภูมิใจในเด็กๆมากๆ แล้วก็รู้สึกว่า รายการนี้จะบูม ตู้ม! แล้วก็ทำให้ทุกคนรู้ว่า Drag Queen เมืองไทยเป็นอย่างไรบ้าง?

จุดเริ่มต้นของการแต่ง Drag Queen ตั้งแต่เมื่อไหร่?

ปันปัน : ปันแต่งตั้งแต่เริ่มกินเหล้า (หัวเราะ) ก็คือประมาณอายุ 18 ปี ตอนนั้นเราก็จะแต่ง Drag ออกไปเที่ยวตลอด เพราะว่าเรารู้สึกว่ามันเป็นพลัง เราสามารถทำคุณภาพที่สังคมคิดว่ามันเป็นแง่ลบ เราแปรเปลี่ยนเป็นพลัง เข้าใจใช่ป่ะว่าทำไมคนถึงจะไม่ชอบความเป็นผู้หญิง คุณภาพของความเป็นผู้หญิง หรือแม้เกย์ด้วยกัน เขาก็จะไม่ชอบตุ๊ดสาว ซึ่งปันไม่ชอบอย่างแรง เพราะมันเป็นคุณภาพๆหนึ่งของคน เลยรู้สึกงงว่าการเป็นผู้หญิงนี่มันผิดแปลกยังไง? รู้สึกว่าการมีวิก การมีส้นสูง การมีนม การมีโน่นมีนี่ มันทำให้เป็นพลังในการเป็น Drag Queen และเราฉลองความเป็นผู้หญิง

สิ่งแรกที่เราจะเริ่มทำ หลังจากคิดรูปแบบออกแล้วว่าจะแต่งแบบไหน คืออะไร?

ปันปัน : ปันเป็นคนชอบค้นหามากๆ ปันจะเริ่มค้นหาชีวิตของเขาเลยว่าเขามีอะไรบางอย่างในชีวิตของเขาบ้าง เพราะว่ามันน่าเบื่อถ้าจะดูแค่ความสวยๆงามๆของเขา ปันจะไปดูเรื่องปัญหาของเขาก่อนเลย ปันก็จะรู้สึกว่าเวลาออกมาโชว์ก็จะรู้สึกแบบเขาตลอดเวลา เพราะฉะนั้นค้นหาปัญหาของแต่ละคน อย่างต่อมาคือแฟชั่น รายละเอียดเกี่ยวกับชุด ผม เครื่องประดับต่างๆ แล้วก็ดูจริต การสัมภาษณ์ของคนๆนั้นว่าเป็นอย่างไร?

สิ่งที่ยากในการแต่ง Drag Queen?

ปันปัน : (รีบตอบทันที) ลบคิ้วค่ะ! ลบคิ้วเป็นอะไรที่น่ารำคาญและยากมากสำหรับผู้ชายที่มีคิ้วเยอะ ง่ายสุดก็คือโกนออกไปเลย แต่ว่า ไม่เอาอ่ะ ไม่อยากดูเหมือนกับเพิ่งบวชมาตลอด 

ความสุขที่ได้แต่งเป็น Drag Queen คืออะไร?

ปันปัน : เหล้าฟรี เราไม่ได้แค่เหล้าฟรี แต่เราได้ผู้ชายด้วย (หัวเราะ) ว้าย! ล้อเล่น คือเราได้แสดงความเป็นผู้หญิงในตัวของเรา แล้วเราได้บอกว่าเพศจริงๆ มันเป็นภาพลวงตา สิ่งที่สังคมเห็นว่าใครเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง มันไม่ใช่ เพราะว่าเราได้รู้สึกว่า ” เพราะเราทุกคนคือมนุษย์ และเราก็ต่างแสดงออกในความเป็นมนุษย์ ซึ่งมีทั้งด้านที่ดีและไม่ดีก็เท่านั้นเอง” (at the day we are to human and the get the express to we are because people it just more black and white.) คนเรามีจุดป้องกันตัวเองเยอะมาก เหมือนเพชรล่ะ มีทุกสี จริงไหมล่ะ?

ตอนที่แต่ง Drag Queen คนรอบข้างมีปฏิกิริยาอย่างไรบ้าง?

ปันปัน : ก็มีโดนมองตลอด เราแคร์ทำไมล่ะ? แต่ว่ามันสนุก เพราะว่าการแต่ง Drag มันเหมือนกับเราใส่แว่นแบบ Night Vision อ่ะ เราจะเห็นความเป็นจริงของคนแบบทันทีเลย ภายในแบบ 5 วิคนจะแบบ “Wow! You go better work!” อะไรแบบนี้ใช่ไหม หรือแบบ “I love you go just!” หรือไม่ก็แบบ “Fuck!” อะไรแบบนี้ เราจะรู้ทันเร็วมากว่าคนจริงๆแล้ว เขาเกลียดตัวเองหรือเกลียดคนอื่นหรือยอมรับตัวเองได้มากน้อยขนาดไหน ขึ้นอยู่กับการตอบรับของเรา ของ who we are? ไง

แล้วคิดยังไงกับวัฒนธรรม Drag Queen ในประเทศไทย?

ปันปัน : ปันว่า Drag Queen ไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก มันมีเก่งๆอยู่เยอะมากๆ แต่ว่าคนไทยเราก็ติดภาพสวยแบบ Miss Tiffany อะไรยังเนี่ย แต่นั่นก็ไม่ใช่ drag แล้วปันว่ามีคนเก่งๆ ในแนว Drag เยอะนะ
ปันปัน : อันนี้เขา interview ร่วมกันใช่ไหม?
อาร์ต : ไม่ใช่ เค้าถามหล่อนๆก็ตอบไปสิ (หัวเราะ)// คนสัมภาษณ์แอบขำและขอโทษอยู่ไม่น้อยเลย 555
ต่อ
ปันปัน : ปันว่า Drag คนไทยเก่ง เยอะมาก แต่ว่าเรายังไม่ได้เห็นเราะ เพราะมันยังไม่ได้เข้ามาในรูปแบบ “วัฒนธรรม” ส่วนมาก Drag ที่เราพอได้เห็นบ้างก็จะเป็นเหมือนกับตลก โชว์วัฒนธรรม Drag ที่เน้นความเป็นตลกโปกฮาอะไรแบบนี้ ซึ่งปันว่าเขาก็ยังไม่รู้ว่าศิลปะของ Drag มันเป็นการแสดงออกทางศิลปะ มันเป็นอะไรก็ได้ที่คนๆนั้นอยากจะเป็น และทำให้มันเป็น

Drag Queen ต้องเป็นตุ๊ดเท่านั้น!

ปันปัน : ไม่จำเป็น เพราะว่าปันรู้ว่ามีคนที่เป็น Drag Queen ที่เป็นผู้ชาย Drag  มันเป็น performance มันไม่ได้เกี่ยวกับเพศ มันไม่ใช่คนข้ามเพศ มันเป็น Performance เพราะฉะนั้นคนที่เป็นผู้ชายแท้เขาก็เป็น Drag Queen ได้ คนที่เป็นผู้หญิงแท้เขาก็เป็น Drag King ได้ มันไม่มีถูกไม่มีผิด มันแล้วแต่ว่า มันแสดงความเป็นตัวตน หรือแฟนตาซีของเราออกมายังไงมากกว่า

ผู้ชายแท้ๆเลยเป็น Drag ก็ได้?

ปันปัน : มีคะ มีลูกมีเมียก็มี
อาร์ต : ทำเป็นอาชีพได้เลยคะ มันเป็น Performance มันเป็น Artist

เราจะรู้ได้ไงว่าเราชอบความเป็น Drag?

อาร์ต : สำหรับอาร์ตก่อนนะ อาร์ตมองว่า ถ้าเราอยู่ที่บ้านแล้วเราอยู่นิ่งๆไม่ได้ เราเห็นว่าอันนี้สวย อันนั้นสวยแล้วเราอยากใส่มัน เราเห็นเขาทำแบบนี้แล้วดี เราอยากจะทำบ้าง นั่นคือเรามีแนวโน้มที่จะเป็นผู้กล้า แล้ววันหนึ่งที่เรากล้าที่จะแสดงออก เราก็นำทุกอย่างที่เราเก็บสะสมมาผูกรวมๆกัน ไม่ว่าจะเป็นทักษะในการแต่งหน้า ทำผม แต่งตัว หรือองค์ประกอบต่างๆ แล้วคุณเข้าใจ Mood & Tone ว่าวันนี้คุณจะทำอะไร นั่นแปลว่าวันนั้นคุณพร้อมแล้วแหละ

คนที่จะมาเป็น Drag Queen ต้องมีความรู้ด้านแฟชั่นและการแต่งหน้าด้วย?

อาร์ต : ศิลปะ ใช่มันคือศิลปะหมดเลย แฟชั่นด้วย มันทำให้เขาสวยขึ้นแน่นอน ถ้าเขาไม่มีความรู้เรื่องแฟชั่น การวางองค์ประกอบ อย่างใน 10 คนที่มาแข่งขัน มีนะคนที่ไม่มีความรู้เรื่องแฟชั่น แต่เขามีเซ้นท์เรื่องศิลปะ มันเลยทำให้เกิดมุมมองที่แตกต่าง เราก็เลยสนใจในตัวเขามากกว่าคนที่ Copy ชุดมาเป๊ะๆแต่ทำอย่างอื่นไม่ได้ เราก็ไม่ต้องการ
ปันปัน : ควรจะมีทุกอย่าง 
อาร์ต : คือต้องใส่ใจนะ คนที่จะเป็นที่หนึ่งในรายการเรา ควรจะมีครบรส รับรองว่าถ้าเจอคนที่ได้ที่หนึ่งเมื่อไหร่ คุณจะเข้าใจเลยว่าอีนี่ได้เพราะอะไร? 

คนที่อยากจะเป็น Drag Queen เขาต้องมีอะไรบ้าง?

อาร์ต : ต้องมีสมอง!
ปันปัน : ต้องมีความกล้าหาญ แต่ต้องมีสมองนี่ก็จริงนะ ไม่! แต่แรกๆหนูก็ไม่มีสมองนะ เอาจริงแล้ว (หัวเราะ) 
อาร์ต : คือข้อแรกเลย ต้องมีศิลปะในดวงใจ
ปันปัน : เยส! ต้องมีความกล้าด้วย
อาร์ต : ใช่ไหมล่ะ? ต้องมีศิลปะ แล้วต้องกล้าหาญมาก
ปันปัน : แล้วก็ต้องวิ่งเร็วด้วย เผื่อใครจะตี (หัวเราะ)
อาร์ต : ต้องกล้าแสดงออก มีความสามารถเฉพาะตัว แล้วก็รักความสวยความงาม 
ปันปัน : จริง! แล้วก็กล้าที่จะเป็นตัวของตัวเองด้วย อยากให้คนอื่นมีความสุขคะ

จะ Educate คนยังไงให้แยกความเป็น Drag ออก?

อาร์ต : มันเป็นข้อความที่อยู่ในรายการ ถ้าคุณเข้าใจว่าสาวประเภทสองแปลว่าอะไร? เขาก็จะเข้าใจว่าเกย์คืออะไร? นึกออกไหม มันก็จะแยกกันออก แต่เราไม่เข้าใจอย่างนึง ทำไมเราก็เหมือนๆกันหมด แต่ทำไมต้องมานั่งจำกัดความว่า “เอ้ย! มึงเป็น Transgender” มึงเป็นเกย์คิง มึงเป็นเกย์ควีน มึงเป็นโน่นนี่นั่น นี่ไง เมืองนอกก็เป็น 

ปันปัน : ขอเสริมตรงนี้ ถ้าเกิดดู RuPaul’s Drag Race ซีซันล่าสุด Peppermint เขากำลังเปลี่ยนแปลงตัวเองอยู่ นั่นคือ Transgender จริงๆ เขาเทคฮอร์โมน แล้วคำพูดที่เขาพูดที่ปันชอบมากๆ คือเขาบอกว่า “รู้ไหมว่ากะเทยสนับสนุนมากขนาดไหนในวัฒนธรรมของ Drag” ปันรู้สึกว่าทำไมต้องมาแบ่งแยกกัน ในเมื่อเราเป็นกลุ่มเดียวกัน เพราะฉะนั้น อย่าลืมว่าทุกๆคนเป็น Drag ได้ไม่ว่าเขาจะเป็นแบบไหน

แล้วมันจะทำให้คนเข้าใจได้ไหมกับคนกลุ่มนี้?

อาร์ต : เอาง่ายๆ ในสังคมบ้านเรา มันมีคนที่มีมิติแบบนี้เยอะมาก คนที่อยู่ข้างๆกันแล้วหลอกไปฆ่าหั่นศพทิ้งไว้อะไรแบบนี้ เยอะแยะ แล้วก็ไปถ่ายรูปเซลฟี่กับตำรวจแฮปปี้มีความสุข เห็นป่ะ? คนที่เราคบกันอยู่แล้วฆ่าทิ้งเพียงเพราะเงินไม่กี่บาท คนแบบนี้มีมิติเหมือนกัน แต่แบบนั้นมันเป็นพลังงานด้านลบ ส่วนรายการนี้มันเป็นพลังงานด้านบวกที่คนดูแล้วมีความสุขที่ได้ดูว่าคนนี้มันตลกว่ะ มันเจ๋งว่ะ(พี่ปันปันทำเสียงตลกอยู่ด้านหลัง) โน่นมันมีนี่ว่ะ เอ้ย! มันว่ะ กลับบ้านไปมีความสุขคะ

Drag Race Thailand ต่างจากสื่อ LGBT อื่นๆอย่างไรบ้าง?

ปันปัน : ก็เราก็จะดูว่าเด็กแต่ละคน เขาจะต้องเจออะไรมากกว่าคนธรรมดาในวัฒนธรรมปกติอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นปันรู้สึกว่าเขามีอะไรบางอย่างที่เป็นสิ่งที่เขาพูดได้ว่าเขาเจออะไรบางอย่าง แล้วทำให้คนสนใจได้ แล้วช่วยบางคนให้เขารู้สึกว่าเขาไม่ได้อยู่คนเดียวนะ

รายการแบบนี้จัดไปเพื่ออะไร? สุดท้ายแล้วสังคมจะได้อะไร?

อาร์ต : นั้นก็ต้องถามกลับไปว่ารายการประกวดร้องเพลงจัดไปเพื่ออะไร? หรือร้องเพลงแล้วก็ไปเฉาะ_ีทำหน้า ทำนม ศัลยกรรมทั้งหน้า ทำไปเพื่ออะไร? ทำไปเพื่อให้คนๆหนึ่งที่มีวุฒิภาวะเป็นมนุษย์ มีรายได้ มีอาชีพ มีหน้าที่การงาน และเป็นที่ยอมรับของสังคมคะ เหมือนกับรายการอื่นเลย ทุกอย่าง เราเป็นมนุษย์ มีคุณค่าเท่าเทียมกันหมด
ปันปัน : คนเขาคิดว่าการที่เราเป็นเพศที่สามหรือการที่แต่งหญิง ความหมายคือการเบี่ยงเบนทางเพศ ซึ่งเราไม่ชอบคำนี้เลย ปันอยากจะให้เขาคิดว่า นี่คือศิลปะ เขากำลังโชว์ให้ทุกคนรู้ว่า จริงๆแล้วข้างในคืออะไร? อยากทำอะไร อยากโชว์อะไรในทางสร้างสรรค์
อาร์ต : บอกได้เลยว่าตัวจริงกับในร่าง Drag ไม่เหมือนกัน เป็นคนละคนได้เลยตัวจริงสงบเสงี่ยม ไม่พูดไม่จา กวาดบ้านถูบ้านทำความสะอาดเรือน ทำกับข้าว ทำไป! พอเป็น Drag แรดสุดตีน สุดพลังได้ ตีลังกาได้ ปืนเสาได้ ทำได้หมดเลย นี่คือร่างทรงที่เขาต้องการสร้างมันขึ้นมา

คิดอย่างไรกับคนที่ยังไม่เข้าใจ Drag Queen ?

ปันปัน : ขอบคุณสำหรับคำถามนะคะ ปันเจอปัญหานี้ทุกครั้ง เวลาผู้ชายเดินเข้ามาในคลับของปัน แล้วเขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร? ตอนแรกเขาจะทำหน้าเหยียด หรือหน้าแบบคืออะไร ไม่ชอบ แล้วพอปันทำให้เขาขำได้ นั่นคือ Moment ที่ปันดึงเขาเข้ามาแล้วเขารู้ว่า การที่เราแต่งหญิงไม่ได้เกี่ยวกับ “ฉันต้องการเป็นเพศไหน?” หรือ “ฉันผิดเพศ” หรืออะไรที่มันเกี่ยวกับ Sex มันเกี่ยวกับความบันเทิง มันเกี่ยวกับการแสดง เหมือนกับเวลาปันไปเต้น Waacking แล้วไปแข่งกับ B-boy แล้วก็ชนะ B-boy อ่ะ เขานับถือปันเพราะว่าใน Moment นั้นฉันไม่ได้โชว์ว่าฉันเป็น “A gay Dancer” ฉันโชว์ว่าฉันคือ “Good dancer” นั่นแหละ

Pangina Heals and Debbie See Waacking – Pan Pan Narkprasert

หลายคนมองว่า Drag Queen กับกะเทย “คือเหมือนกัน”?

ปันปัน : ไม่เหมือนกัน มันอยู่ใต้ร่มของความเป็นกะเทยอันเดียวกัน แต่ว่า Drag Queen มันไม่มีคำทับศัพท์ เพราะฉะนั้น คนไทยก็เรียกว่า Drag Queen
อาร์ต : ถ้าคนจะเรียก ควรจะเรียกทัพศัพท์ อย่าเรียกว่า “กะเทยแต่งหญิง” มันไม่ใช่กะเทย คือคำว่าแต่งหญิงก็แค่ลุกขึ้นมาแต่งตัวเป็นผู้หญิงเฉยๆ แต่ Drag มันเป็นอะไรที่มากกว่า บางทีมันเป็น Artist คือเราสวมวิญญาณเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่ง ซึ่งเราเป็นคนสร้างสรรค์มันขึ้นมาเอง ถ้าเกิดแต่งหญิงปันก็คงไม่จำเป็นต้องติดพัดลม ถูกป่ะ? หรืออย่างพี่อาร์ตจะแต่งหญิงก็คงไม่ต้องใส่ขนนก ไม่จำเป็นต้องเอาหมาออกมาก็ได้ ก็แค่ใส่นม ทาปาก นั่นก็เริ่ดแล้ว
ปันปัน : มันคือความ Girlssssss!
อาร์ต : อันนี้เราไม่ได้เรียกว่า Girl เราสร้างสรรค์สิ่งมีชีวิตตัวตนหนึ่งขึ้นมา เป็นภาพลักษณ์ที่เราสวมวิญญาณในนั้น เพราะฉะนั้น พอเราแต่งชุดนี้ปุ๊ป ก็จะนั่งแบบนึง พูดแบบนึง ผายมือแบบนึง เราก็จะไม่แบบแอคชั่นไปอีกแบบ เราก็จะเป็นไปตามลุคที่เราครีเอทมาแบบนี้
ปันปัน : มันจะเป็นการอธิบายลักษณะว่าวัฒนธรรมของ Drag มันเป็นยังไง?