fbpx

ว่าด้วยวงการโทรทัศน์ในช่วงท้ายปี ก็มักจะมีรายการเด็ดๆมาลงท้ายปีกันแบบสนุกสนาน เรียกได้ว่าเป็นช่วงที่แข่งขันกันดุเดือดกันเลยทีเดียว กับทีวีสาธารณะก็เช่นกันที่จะต้องปล่อยของมาในช่วงท้ายปีอย่างนี้ ส่องสื่อจึงจับมือกับ 1 ในทีมงานยามเฝ้าจอ ขอร่วมสัมภาษณ์ท่านผู้อำนวยการไทยพีบีเอส อย่าง “รศ.วิลาสินี พิพิธกุล” ถึงที่มาของการเปิดตัวรายการในไตรมาส 4 รวมไปถึงความเข้มข้นของเนื้อหารายการต่างๆในสถานีในปีนี้และปีหน้าด้วย ว่าแล้วไปติดตามกันเลยครับ…

รู้จักรายการใหม่ของไทยพีบีเอสก่อน

เริ่มต้นด้วยละคร “ฝันให้สุด Dream Teen” ละครได้มุ่งนำเสนอเรื่องราวอีกมุมหนึ่งของเหล่าเด็กอาชีวะที่ไม่ได้มีแค่มุมลบอย่างที่หลายคนเข้าใจ โดยผู้จัดตั้งใจให้ละครเรื่องนี้ตีแผ่ถึงความตั้งใจอันดีงามของเหล่านักเรียนอาชีวะที่สังคมอาจจะมองข้ามในหลาย ๆ มุมมอง เพื่อเปิดมิติใหม่ต่อสังคม ทลายกำแพงที่หลายคนยังอคติอยู่ เปิดใจให้โอกาสและสนับสนุนนักเรียนอาชีวะไทย แล้วคุณจะเห็นว่า อาชีวะก็มีดีไม่แพ้ใคร ออกอากาศทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 20.15 น. เริ่ม 17 พฤศจิกายนนี้

ละคร ฝันให้สุด Dream Teen นำแสดงโดย ภีมพล พาณิชย์ธำรง พลอยชมพู-ญานนีน ไวเกล

รายการเรียลลิตี้ “ฉันจะเป็นครู I WANT TO BE A TEACHER” รายการที่จะเปิดโอกาสให้ผู้ชมได้รู้จักและเห็นถึงการเตรียมความพร้อมสำหรับนักศึกษาด้านครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์ ที่จะออกไปเป็น “ครู” ในอนาคต พร้อมทั้งนำเสนอความรู้เกี่ยวกับวิชาชีพครู ตลอดจนสร้างค่านิยมใหม่ให้แก่ผู้ชมรายการที่อยู่ใน แวดวงการศึกษาได้ตระหนักถึงสาระสำคัญในการจัดการเรียนการสอนให้เกิดประสิทธิภาพกับผู้เรียนมากที่สุดและเหมาะสมกับยุคสมัย อันจะส่งผลต่อการพัฒนาประเทศต่อไป ออกอากาศทุกวันเสาร์ เวลา 17.05 น. เริ่ม 10 พฤศจิกายนนี้

1 ในผู้เข้าแข่งขันของรายการ “ฉันจะเป็นครู”

รายการ “ว่าที่นายก Change Thailand” เรียลลิตี้การเมือง เพื่อให้เกิดการรับรู้ทางเลือกใหม่ ๆ ในการพัฒนาการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม เสริมสร้างความแข็งแรงของระบบการเมืองไทยด้วยวิธีคิดของ “คนรุ่นใหม่” เข้าใจหลักการภายใต้การปฏิรูป การอยู่ร่วมและยอมรับในความเห็นต่างทางการเมือง ตื่นตัว ในการมีส่วนร่วม รักษาสิทธิเสรีภาพ และกระตุ้นจิตสำนึกของนักการเมืองรุ่นใหม่และประชาชนทั้งประเทศ ออกอากาศทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00 น. เริ่ม 3 พฤศจิกายนนี้

10 ผู้เข้าแข่งขันในรายการ “ว่าที่นายก”

นอกจากนั้นไทยพีบีเอสยังมีสารคดีฝีมือคนไทย ที่ถ่ายทอดเรื่องราวความผูกพันของ “คนไทย” กับ “สถาบันพระมหากษัตริย์” แห่งรัตนโกสินทร์ และความเป็นมาที่ก่อให้เกิดเป็นตำนานกรุงเทพมหานครจนถึงทุกวันนี้ ผ่านสารคดี เรื่องเล่ารัตนโกสินทร์ ทุกวันเสาร์ เวลา 21.10 น. และสารคดี หอมกลิ่นสยาม สารคดีชิ้นเอกที่ถ่ายทอดรสชาติ ความประณีตวิจิตรและความงดงามของอาหารไทยสู่สายตาทั่วโลก ผ่านมุมมองที่แตกต่างกว่า ออกอากาศทุกวันเสาร์ เวลา 21.10 น. เริ่ม 1 ธันวาคมนี้

1 ในภาพเบื้องหลังสารคดี “หอมกลิ่นสยาม”

มาคุยกับ ผอ.ไทยพีบีเอสกันดีกว่า

รศ.วิลาสินี พิพิธกุล ผู้อำนวยการไทยพีบีเอส

พูดถึงรายการในไตรมาสที่ 4 ของไทยพีบีเอส

ผอ.– จริงๆ แล้วเราประกาศให้ปี 2561 เป็นปีว่าด้วยการปฏิรูปทั้งปีคือไทยพีบีเอสเรากำหนดวาระหลักที่จะนำเสนอสู่สถานี เพื่อที่จะทำให้คนไทยตื่นตัวและลุกขึ้นมาให้ความสนใจให้เห็นว่าทุกคนก็มีส่วนในการปฏิรูปประเทศนี้ได้ เพราะฉะนั้นก็มีการวางแผนมาต่อเนื่องว่าเราจะเปิดประเด็นปฏิรูปตอนไหนบ้าง? อย่างปฏิรูปการเมืองถูกวางไว้เป็นไตรมาสสุดท้ายอยู่แล้ว ส่วนปฏิรูปการศึกษาจริงๆเริ่มมาตั้งแต่กลางปี ทั้งสองหมวดปฏิรูปในท้ายปีจะเน้นเนื้อหาที่ดูแล้วสนุกสนานมีความสร้างสรรค์ ไม่ใช่สาระหนักๆอย่างเดียว จะเป็นเรียลลิตี้ เป็นเกมส์โชว์เป็นละคร อะไรต่างๆเหล่านี้ เน้นเป้าหมายไปที่คนรุ่นใหม่โดยเฉพาะด้านการเมืองเราอยากจะจุดประกายเรื่องนี้ให้กับคนที่อยากจะใช้สิทธิ์เลือกตั้งครั้งแรกก็เลยจะเน้นรายการที่ดูแล้วสนุก มีสาระด้วย

รายการหมวดแรก “ปฏิรูปการเมือง”

ผอ.– จริงๆวางไว้ท้ายปีอยู่แล้ว แล้วก็จริงๆแล้วไทยพีบีเอส เรามีจุดยืนคือเราส่งเสริมให้มีกระบวนการพัฒนาประชาธิปไตยที่เน้นการมีส่วนร่วมของภาคพลเมืองเป็นหลักเพราะฉะนั้นเรามองว่าเรื่องของการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นนี้หัวใจสำคัญคือความเข้าใจของประชาชน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ เราก็เลยอยากเห็นพื้นที่ตรงนี้ เราไม่ได้อยากให้คนผูกติดหรือสนใจแค่ว่า “พรรคไหนจะส่งใคร?” หรือแม้แต่การต่อสู้ระหว่างพรรคการเมืองต่างๆ สังคมไทยควรจะเข้าใจและมองเห็นความสำคัญตรงนี้ว่าอยู่บนฐานของหน้าที่พลเมืองและสำคัญที่สุดคือการทำให้เห็นว่าตัวเรานั่นแหละที่จะทำให้การเมืองครั้งนี้เป็นการเมืองที่มีรากฐานเพื่อพัฒนาประเทศอย่างแท้จริง เพราะฉะนั้นเราก็เลยเลือกทำรายการ “ว่าที่นายกฯ” ตอนปลายปี

“ว่าที่นายกฯ” แตกต่างกับรายการอื่นๆอย่างไรบ้าง?

ผอ.– ผู้สมัครที่เข้ามา ซึ่งเราเน้นรับสมัครคนรุ่นใหม่เยาวชนที่มีความตื่นตัวอยู่แล้วอาจจะเคลื่อนไหวอยู่ในประเด็นต่างๆทางสังคม เราก็คัดเข้ามาความต่างจริงๆก็อาจจะไม่ได้ต่างจากรายการเรียลลิตี้รายการอื่นๆที่นำเอาผู้เข้าแข่งขันมาเรียนรู้มาอบรม ไปเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญต่างๆ แต่ความต่างอยู่ตรงที่สาระที่เราให้หรือผู้เชี่ยวชาญที่เราเลือก เช่น เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านบทบาทการเป็นประชาธิปไตยนักวิชาการที่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้จนถึงผู้ที่เคยมีบทบาทในการปราบปรามทุจริตคอรัปชั่น เราก็จะคัดมาเป็นผู้เชี่ยวชาญในรายการเพื่อให้น้องๆได้เรียนรู้ เพราะฉะนั้นผู้ชมก็จะได้ซึมซับ เรื่องของสาระความรู้จิตสำนึกที่ปลูกฝังเข้ามาผ่านกระบวนการเรียนรู้ของน้องๆผู้เข้าร่วมแข่งขัน แล้วน้องๆก็จะได้ร่วมนำเสนอไอเดียหรือข้อเสนอว่า “เขาอยากจะปฏิรูปการเมืองในสังคมเขาอย่างไร?”ต้องบอกว่าเวลาเราพูดว่าปฏิรูปการเมืองเนี่ย เราบอกว่าเราอยากเป็นนายกฯเราสามารถเป็นนายกฯได้ตั้งแต่นายกชุมชน นายกท้องถิ่นไปจนถึงว่าที่นายกฯของประเทศเลย เพราะฉะนั้นเราคิดว่าความต่างมันอยู่ตรงนี้อยู่ตรงที่สาระที่น้องๆได้เรียนรู้และผู้ชมก็ได้เรียนรู้ไปพร้อมกับน้องๆด้วยแล้วก็ไอเดียที่น้องๆร่วมกันพัฒนาขึ้นมา

“ฉันจะเป็นครู” เป็นรายการเกี่ยวกับอะไรบ้าง?

ผอ. – ก็เป็นเรียลลิตี้เหมือนกัน เอานักเรียนสายคุรุศาสตร์หรือศึกษาศาสตร์มาร่วมผ่านชีวิตจริงของเขาเลย เราก็คัดจากน้องๆที่กำลังจะไปฝึกสอน แล้วก็ให้น้องๆได้ไปทดลองใช้ชีวิตจริงกับโรงเรียนต่างๆ เพราะฉะนั้นเรียลลิตี้นี้คนก็จะได้เข้าใจว่ากว่าจะเป็นครูที่มีคุณภาพมันยากเย็น แต่ทุกคนที่ไปเป็นครูฝึกสอนมีความตั้งใจจริงขนาดไหน? คือในรายการมันเป็นสถานการณ์จริง ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบการวางแผนการเรียนการสอน การทำความเข้าใจกับเด็กๆ คือจะเห็นเลยว่าครูแต่ละคนเขาไม่ได้เป็นแค่ครูที่ออกไปยืนสอนหน้าห้อง แต่เขาเข้าถึงจิตใจเด็กๆด้วย สิ่งนี้จะซึมซับไปยังผู้ชมให้เข้าใจ คือจริงๆเราอยากให้คนในสังคมนี้เข้าใจซึ่งกันและกันว่าความเป็นครูนั้นมันยาก แต่ถ้าเราร่วมกันเกื้อกูลกัน เราก็จะได้ครูที่ดี

ในส่วนของละครกันบ้าง ปีนี้ไทยพีบีเอสทุ่มกับละครค่อนข้างมากด้วย?

ผอ.– เรื่อง “ฝันให้สุด” นี่ก็เป็นปฏิรูปการศึกษาเหมือนกันคือเจาะลงไปเลยเรื่องของการศึกษาอาชีวะซึ่งถ้าเราบอกว่าอยากให้ประเทศก้าวไกลไปข้างหน้าเนี่ย อาชีวะนี่คือหัวใจสำคัญเพราะเขาเป็นการเรียนเรื่องช่าง การเรียนเพื่อไปเป็นอาชีพ เพราะฉะนั้นเราต้องการผู้เรียนที่อยู่ในสายอาชีวะที่มีคุณภาพและมีวิสัยทัศน์ที่จะพาประเทศไปสู่อนาคตเพราะฉะนั้นในละครเรื่องนี้เราต้องการที่จะเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อเด็กอาชีวะคนที่เรียนอาชีวะก็มีคุณภาพเหมือนกัน แล้วถ้าสังคมมีทัศนคติด้านบวก ลองเปิดโลกสักนิดสังคมจะเข้าใจ สังคมจะยอมรับและมีพื้นที่แล้วเราจะเห็นศักยภาพของเขาแล้วด้วยความที่ประเทศเรากำลังจะไป Thailand 4.0 ตามนโยบายฯมันก็จะเกิดขึ้นอย่างมีคุณภาพนั่นเอง

รายการด้านศิลปวัฒนธรรมและอาหารไทย : ทำไมถึงจัดทำรายการประเภทนี้?

ผอ.– ไทยพีบีเอสเราให้ความสำคัญในเรื่องของความรู้ที่มีหลากหลายมุมที่จะเปิดความรู้ความเข้าใจให้สังคมไทยอย่างเช่น เราอยากให้ทุกคนอยู่ร่วมกันด้วยความเข้าใจและยอมรับในความหลากหลายรวมไปถึงเข้าใจและเข้าถึงหลักความเป็นไทย เพราะฉะนั้นเราเลยเลือก “เรื่องเล่ารัตนโกสินทร์” ก็คือยุคสมัยที่เราอยู่นี่แหละ กับเรื่อง “หอมกลิ่นสยาม” สองเรื่องนี้จะช่วยนำพาให้คนไทยให้เข้าใจว่ากว่าที่เราจะมาอยู่ทุกวันนี้ประเทศไทยมีการเรียนรู้ การต่อสู้ การปรับตัวอย่างไรบ้าง?แล้วก็พระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นผู้นำสูงสุดของเราท่านทรงใช้พระวิชาสามารถด้านใดมาบ้างนี่คือหัวใจสำคัญของการเรียนรู้และเคารพในคุณค่าความเป็นไทยของเรา ส่วน “หอมกลิ่นสยาม”ถึงแม้ว่าจะมองเป็นเรื่องอาหารแบบไทยๆ แต่ในการพัฒนาหรือการถ่ายทอดความรู้ การสืบทอดความรู้คุณค่าอาหารไทยจากรุ่นสู่รุ่นมันได้ปลูกฝังจิตสำนึกของความเป็นไทยเอาไว้อย่างไร?

ทุ่มงบรายการในไตรมาส 4 ยังไม่จุใจพอ ยังมีแง้มๆมาเปิดผังปีหน้าด้วย?!

ผอ. – หัวใจของไทยพีบีเอสที่เราตั้งเป้าไว้เลยก็คือ เราอยากให้คนจดจำได้ว่าเราคือสถาบันสื่อสาธารณะที่ส่งเสริมสารคดีฝีมือคนไทย จากนี้ไปเราเชื่อว่าสารคดีที่เราผลิตมาอย่างต่อเนื่องกว่าจะได้มาเรื่องๆหนึ่งเราพัฒนาเนื้อหามาเยอะมากเราให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกับผู้ทรงคุณวุฒิแล้วก็องค์กรเครือข่ายต่างๆมาโดยตลอด เพราะฉะนั้นจากนี้ไปเรามั่นใจว่าสังคมจะจดจำว่าไทยพีบีเอสเป็นสถาบันที่ส่งเสริมสารคดีคุณภาพที่ผลิตโดยฝีมือคนไทย แล้วเราก็เชื่อว่าคนไทยมีฝีมือในการบอกเล่าผ่านสารคดี โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ เราอยากเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้ทำเรื่องเล่าสารคดีต่างๆจากมุมมองของเขาด้วยอันนั้นก็เป็นความตั้งใจและจะมีต่อเนื่องไปตลอด อีกเรื่องคือละครเราก็ตั้งใจที่จะส่งเสริมให้มีละครคุณภาพเช่นกันนะคะ อย่างสารคดีต้นปีหน้าก็จะมี “สะอาดบุรี” นี่ก็เป็นเรียลลิตี้ เป็นการเอาชุมชนต่างๆมาเรียนรู้ทักษะแล้วก็มีภารกิจในการแข่งขันกันว่าชุมชนไหนจะทำให้ชุมชนปลอดขยะได้อย่างไร?

ทำไมถึงมาเจาะเรียลลิตี้มากเป็นพิเศษ?

ผอ. – เวลาเราบอกว่าเราจะสื่อสารความรู้สู่สังคมเนี่ยมันก็มีศิลปะในการสื่อสาร แล้วก็ในยุคปัจจุบันคนมักจะเปิดรับการเรียนรู้จากประสบการณ์จริงมากกว่าที่จะไปท่องจำว่าคุณต้องรู้แบบนี้นะ แต่ถ้าบอกว่านี่เป็นประสบการณ์จริงเรากำลังนั่งดูเพื่อนเราที่กำลังเข้าไปเรียนรู้มันจะทำให้ซึมซับการเรียนรู้ได้ง่าย

รายการข่าวมีการปรับเปลี่ยนยังไงบ้าง?

ผอ. – เรายังให้ความสำคัญกับรายการข่าวอยู่โดยผังบนหน้าจอไทยพีบีเอสมีสัดส่วนรายการข่าวมากถึงร้อยละ 50 เลยทีเดียว เพราะฉะนั้นเราก็ยังลงน้ำหนักเหมือนเดิม แต่ถ้าดูจะค่อยๆเห็นความเปลี่ยนแปลงนั่นก็คือข่าวเช้าของเราจะมีการวิเคราะห์เหตุการณ์หรือประเด็นที่ทิ้งค้างไว้ของเมื่อคืนมากขึ้นจะมาบอกว่าตอนเช้านี้เรื่องมันไปถึงไหน?แล้วสังคมไทยควรจะติดตามเรื่องนี้ต่ออย่างไร?จะพาตื่นขึ้นมาพร้อมกับบอกประเด็นที่น่าจับตามองส่วนข่าวภาคเที่ยงและข่าวภาคค่ำของเรา ซึ่งข่าวภาคหลักมี 3 ช่วงก็คือข่าวเช้าข่าวเที่ยง และข่าวค่ำเที่ยงจะเน้นการนำข่าวรอบครึ่งวันเช้าทั่วประเทศมานำเสนอมากขึ้นเราจะให้พื้นที่กับสื่อท้องถิ่น สื่อภูมิภาคมากขึ้น และข่าวค่ำจะเป็นประเด็นหนักๆจะวิเคราะห์เรื่องราวสำคัญที่เราคัดมาแล้วว่านี่คือวาระสำคัญในแต่ละวันที่คนไทยควรจะได้รับรู้ร่วมกันนี่คือหลักที่จะเปลี่ยน นอกจากนั้นเราจะมีข่าววิเคราะห์การเลือกตั้ง 2562 ในเดือนพฤศจิกายนเราจะเปิดวอลล์รูมของเราเอง เพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่วาระการเลือกตั้ง เราจะเริ่มมีข่าวภาคภาษาอังกฤษสอดแทรกเข้ามาในข่าวค่ำ (นั่นคือ ThaiPBS World) เราตั้งเป้าไว้ว่าในปีหน้าเราจะมีข่าวภาคภาษาเพื่อนบ้านด้วย นอกจากนั้นข่าวที่ยังคงเข้มข้นเหมือนเดิมคือ “ข่าวภาคพลเมือง”ยังเป็นหัวใจที่สำคัญอยู่

จะมีเทคโนโลยีอะไรมาเสริมทัพ เติมอรรถรสคนดูอีกบ้าง?

ผอ. – เราจะมี OTT (Over-The-Top) เปิดตัวเต็มรูปแบบในเดือนมกราคม 2562 จะเป็น OTT ที่เน้นการจัดวางเนื้อหาที่เหมาะกับคนดูในสังคมที่มีความหลากหลาย ถ้าคุณเป็นเด็กเยาวชน เราก็จะมีหมวดเด็กและเยาวชนที่สามารถกดเข้ามาดูได้เลยแล้วเป้าหมายเราก็คือกลุ่มเด็กและเยาวชนที่พ่อแม่สามารถทิ้งให้ลูกดูได้คือไม่เป็นพิษไม่เป็นภัย เราจะทำให้เหมาะกับทุกความต้องการ เป็น PersonalizeTV อย่างแท้จริง

ฝากอะไรส่งท้าย?

ผอ. – ฝากให้ท่านผู้ชมติดตามรายการคุณภาพผ่านทางหน้าจอไทยพีบีเอสช่อง 3 และทางออนไลน์ ทุกรายการของเราสามารถชมสดและชมออนไลน์ หรือแม้แต่ชมย้อนหลังในทุกช่องทางได้หมดเลย ทุกรายการของไทยพีบีเอสเนี่ย เราตั้งใจผลิตขึ้นมาเรามีเป้าหมายที่อยากชวนประชาชนคนไทยมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงประเทศอย่างสร้างสรรค์ร่วมกัน การรับชมสื่อของไทยพีบีเอสก็น่าจะช่วยสร้างการขับเคลื่อนประเทศมากกว่าแค่การได้รับความบันเทิงจากสื่อ ก็อยากชวนทุกๆคนมาร่วมกันชมนะคะ

และถ้าทุกคนอยากติดตามรายการทั้งหมดนี้ สามารถติดตามได้ทาง ไทยพีบีเอส ช่องดิจิตอล หมายเลข 3 หรือ ช่องทางออนไลน์เฟซบุ๊ก ThaiPBSFan ได้เลยนะครับ…

ผอ.ไทยพีบีเอส – ทีมส่องสื่อ – ทีมยามเฝ้าจอ