fbpx

วันนี้ส่องสื่อได้มีโอกาสไปรับชมละครเวทีสุดโรแมนติก-คอเมดี้ อย่าง “สูตรเสน่หา เดอะมิวสิคัล” ที่เปิดการแสดงอยู่ ณ โรงละครเอ็ม เธียร์เตอร์ นั่นเอง และเราก็ได้ไปเจอ “คุณกิ่งฉัตร” ซึ่งเป็นผู้เขียนบทละครชุดนี้ ปัจจุบันมีสำนักพิมพ์เป็นของตัวเองภายใต้ชื่อ “สำนักพิมพ์ลูกองุ่น” และคุณ “จ๋า – สุดาพิมพ์ โพธิภักติ” โปรดิวเซอร์ของละครเวทีเรื่องนี้ เราจึงจับเขาทั้งสองคนมาคุยถึงการปรุงรส เสิร์ฟละครเวทีชุดนี้ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร? ติดตามจากบทความนี้ได้เลยครับ

ทำไมถึงเลือกที่จะแต่งนิยายเรื่องนี้?

กิ่งฉัตร : เรื่องนี้จริงๆ แต่งมาสักประมาณ 10 กว่าปีแล้ว ตอนนั้นนางเอกก็จะไม่ได้มีบุคลิกที่ว่าค่อนข้างที่จะติดลบแบบนี้ ตอนนั้นเผอิญมีน้องนักอ่านซึ่งเอามาเป็นแรงบันดาลใจของเราว่าเขาอยากเป็นนางเอก แต่เขาไม่รักเด็ก เขาอย่างโน้นอย่างนี้ เราก็คิดว่าเออ มันก็เป็นบุคลิกหนึ่งที่น่าสนใจ ก็เลยเอาเรื่องนี้หยิบขึ้นมาเขียน

ความสนุกของ “สูตรเสน่หา” ฉบับนิยาย

กิ่งฉัตร : นิยายแต่ละเรื่องมันก็มีความสนุกที่แตกต่างกันไปนะ เรื่องนี้จริงๆ นางเอกมีบุคลิกที่โดดเด่นมากในตัวของเขาเอง ถ้าดูจากละครก็จะเห็นว่าเขาเป็นนางเอกที่ไม่เหมือนใคร เป็นนางเอกที่ไม่ใช่นางเอ๊กนางเอก จริงๆ เขาคือผู้กระทำมากกว่าผู้ถูกกระทำ ไม่ใช่นางเอกยุคเก่า เป็นนางเอกยุคใหม่ที่จะสตรอง สดใส แล้วก็แบบว่าเป็นคนที่กล้ารุก

งานหนังสือปีนี้จะมีหนังสือใหม่มาไหมครับ?

กิ่งฉัตร : ไม่มีนะคะ ของพี่ต้องไปรองานหน้า จะมีนางเอกคนใหม่ที่แซ่บกว่าอลิน (หัวเราะ)

มองอุตสาหกรรมหนังสือเป็นอย่างไรบ้าง? ในสายตาของนักเขียน

กิ่งฉัตร : มันก็เปลี่ยนแปลงไปนะ เหมือนกับว่าสมัยนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยน แต่ว่าถามว่าคนยังอ่านหนังสือไหม? คนยังอ่านอยู่นะ เพียงแต่ว่าเราอาจจะเปลี่ยนรูปแบบจากหนังสือเล่มไปเป็นหนังสือออนไลน์มากขึ้นเท่านั้นเอง แต่ถามว่าหนังสือ นักเขียน แล้วก็อุตสาหกรรมการอ่านมันไม่ได้ล้มหายตายจากไปไหน มันยังอยู่

หนังสือจะตายจริงไหม?

กิ่งฉัตร : ไม่จริง พี่ว่ามันไม่จริงเลย เพราะว่าพี่อยู่ตรงจุดนี้พี่มองเห็นแล้วว่าบางทีหนังสือมันอาจจะเปลี่ยนแปลงไป แต่ว่าหนังสือเล่มยังไปได้อยู่ไหม? ยังไปได้อยู่ ยังมีคนที่ยังรักในการเปิดหนังสือ ยังลุ้นไปกับการเปิดอ่านเรื่องย่อละครไปเรื่อยๆ อยู่ แต่ว่าถ้าโดยรวมเด็กรุ่นใหม่อาจจะถนัดในการอ่านหนังสือแบบออนไลน์มากขึ้น แต่ถามว่ายังอ่านไหม? ยังอ่านนะ

ทำไมถึงเอา “สูตรเสน่หา” มาทำเป็นละครเวที?

จ๋า : ตอนแรกเราดูเป็นละครทีวีก่อน แล้วเราเป็นคนชอบดูจากทีวีก่อน ถ้าชอบเรื่องไหนก็จะไปตามอ่าน เราอยากรู้ว่าเขาตีความแตกต่างจากหนังสือมากน้อยแค่ไหน? แล้วพอเราไปอ่านหนังสือเราก็ยิ่งชอบมากๆ แล้วพอจนมันผ่านเวลามานานมาก เราถามใครก็อาจจะไม่แน่ใจว่าเอ๊ะ สูตรเสน่หา คุ้นๆ แต่พอบอก “ครูกุ๊ก” ปุ๊ป ทุกคนนึกออกทันที แล้วมันน่ารักและเรารู้สึกชอบที่นางเอกมันไม่ได้ร้องห่มร้องไห้ในชะตาชีวิต มันลุกขึ้นสู้ เขาก็มีกำหนดชะตาชีวิตของเขาเอง แล้วเรารู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่น่าสนใจมากๆ แล้วมันมีสีสันมาก

เมื่อเอามาทำเป็นละครเวที มีการเอาไปดัดแปลงอย่างไรบ้าง?

จ๋า : ก็ต้องทำเรื่องราวหนังสือที่ค่อนข้างหนาให้มาอยู่ในระยะเวลาแค่ 2 ชั่วโมงครึ่ง ก็อาจจะต้องมีการตัดทอนตัวละครบางตัวมาเชื่อม มาเล่าเรื่อง หรือให้เขามาเจอกันเร็วขึ้น ให้มีเหตุการณ์ที่ทำให้เขาแตกหักเร็วขึ้น

มีการคุยกันระหว่างการตัดบท เพิ่ม-ลดบท บ้างไหม?

กิ่งฉัตร : ไม่นะ ในเมื่อเราตัดสินใจมอบงานให้กับคุณจ๋าไป เราก็เชื่อว่าคุณจ๋าจะทำออกมาได้ดีที่สุด ทำให้เต็มที่ที่สุดเท่าที่คุณจ๋าจะทำได้กับผลงานชิ้นนี้ เพราะฉะนั้นเราก็ให้สิทธิ์เต็มที่ในการที่จะดัดแปลงหรือเติมแต่ง เพราะว่าเวลาศิลปะของหนังสือมันเป็นเล่ม เนื้อหามันแตกต่าง มันจึงไม่สามารถถ่ายทอดออกมาได้หมด มันจะทำยังไงมันก็ไม่มีทางเหมือนในนิยายได้ เพราะฉะนั้นจึงเป็นหน้าที่ของผู้จัด จึงเป็นหน้าที่ของผู้เขียนบทที่จะทำให้เรื่องราวสื่อจากหนังสือออกมาเป็นละครเวที

ความยากง่ายในการกำกับเรื่องนี้เป็นยังไงบ้าง?

จ๋า : โห (ลากเสียงยาว) เราไม่ได้เป็นผู้กำกับหรอกนะ เราเป็นแค่โปรดิวเซอร์ เป็นผู้ผลิต แต่ก็ด้วยความนักแสดงเยอะ ก็ค่อนข้างสนุกสนานอยู่เหมือนกัน แล้วมันก็จะมีเรื่องราวหลายๆ อย่างที่เราก็คิดว่าถ้าเขาไม่ทำสถานการณ์ให้เข้มข้นพอ มันก็จะไม่นำไปสู่สถานการณ์ต่อไปได้ มันก็เลยทำให้เราต้องคุยงานกันว่าตรงนี้เราเห็นเป็นแบบไหน เพื่อที่จะได้ช่วยให้เรื่องครบจบความได้

นอกจากละครเวทีเรื่องนี้ มีเรื่องไหนมาจ่อรอคิวออกทำการแสดงไหม?

จ๋า : คือมีในใจ แต่รอคนมาซื้อบัตรเรื่องนี้เยอะๆ นะ เพื่อที่จะได้มีทุนไปทำเรื่องต่อไปนะคะ (หัวเราะ) ลุ้นมากว่าพี่กิ่งฉัตรมาดูแล้วจะเป็นอย่างไง? ตัวละครนี้เปลี่ยนไปแบบนี้ เราก็แบบแอบลุ้นอยู่

ตอนที่พี่กิ่งฉัตรดู รู้สึกตกใจกับละครเวทีไหม?

กิ่งฉัตร : ไม่นะ พี่เป็นคนที่ไม่ค่อยยึดติดว่างานของเราจะต้องออกมาเป๊ะๆ ตามแบบของเรา เพราะว่ามันทำไม่ได้ เพียงแต่ว่ายังคงธีม โครงเรื่องราวของเราเอาไว้ แล้วละครเวทีสามารถนำเสนอดึงตรงนี้มาขายได้ พี่ว่ามันเป็นอะไรที่น่ายินดีและน่าภูมิใจนะ มันทำให้พี่รู้สึกดีมากๆ เลย

อุตสาหกรรมละครเวทีตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?

จ๋า : ก็มีผู้จัดหน้าใหม่ขึ้นเรื่อยๆ จ๋าคิดว่าแต่ละคนก็จะมีแนวทางเป็นของตัวเอง คือเรียกว่าจะมีลายเซ็นของแต่ละบริษัทดีกว่า ของบี มิวสิคัลเองก็พยายามที่จะเน้นด้านที่ค่อนข้างสนุกสนาน โรแมนติก-คอเมดี้ เพราะว่าเราชอบให้คนดูมาดูแล้วแบบไม่เครียด ได้ให้เราลืมความเครียดข้างนอกไปได้แป๊บหนึ่ง อะไรแบบนี้ เราก็อยากเก็บความสุขจากตรงนี้กลับบ้านไปด้วย ก็เลยเป็นแนวนี้ แต่ว่าก็อยากให้สนับสนุนวงการละครเวทีเยอะๆ เพราะว่าทุกคนอยากเห็นงานใหม่กันเยอะๆ แต่ว่าถ้าไม่มีคนมาดูก็จะไม่มีคนทำ ก็อยากจะให้มาดู มาซื้อบัตรกันเยอะๆ

อยากให้ส่องสื่อสักเรื่องหนึ่ง อยากส่องเรื่องอะไรบ้าง?

จ๋า : ก็อยากรู้ว่าในวงการละครเวที คนดูอยากเห็นใคร หรืออยากเห็นละครเรื่องไหน นวนิยายเรื่องไหนมาทำเป็นมิวสิคัลบ้าง? ก็บอกมาทางจ๋าบ้างก็ได้

กิ่งฉัตร : ก็อยากให้ส่องสื่อข่าว เพราะว่าปัจจุบันการสื่อข่าวเนี่ย พี่ว่ามันแตกต่างไปจากที่พี่เคยดูมาตั้งแต่ต้นนะ มันเปลี่ยนแปลงไปมาก อยากจะเห็นข่าวที่ดีที่ถูกต้อง ข่าวที่มันสร้างสรรค์และจรรโลงกับคนดู คนฟังมากกว่านี้

อยากฝากอะไรถึงคนรุ่นใหม่บ้าง?

กิ่งฉัตร : จริงๆ หนังสือนี่มีเสน่ห์นะ มันเหมือนกับว่ามันเปิดโลกของเราไปเลย เพราะฉะนั้นเนี่ยขอให้ลองมาอ่านหนังสือกันสักนิดนึง ลองดูเพราะว่าบางทีคุณอาจจะหลงรักในเสน่ห์ตัวอักษรก็ได้ เพียงแต่ว่าอยากให้ลอง

ฝากละครเวทีหน่อย

จ๋า : จะเปิดการแสดงวันแรก 27 กันยายน 2562 แล้วก็มี 10 รอบการแสดง แสดงแค่ศุกร์-อาทิตย์ วันศุกร์จะมีรอบ 19.30 น. เสาร์-อาทิตย์มีรอบบ่ายและค่ำ จนถึงวันที่ 6 ตุลาคม 2562 เท่านั้น พลาดแล้วพลาดเลย เราไม่มีการทำอัดแล้วไปเปิดฉายที่ไหนอีก แล้วจริงๆ คือดูได้มากกว่า 1 รอบ เพราะว่าแต่ละอย่างแต่ละวัน มันคือการแสดงสด อาจจะมีการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า หรืออาจจะมีการเสริมเติมแต่งมุขต่างๆ เพราะฉะนั้นแต่ละรอบก็ไม่เหมือนกัน อยากให้แต่ละคนมาดูกันเยอะๆ พลาดแล้วพลาดเลย


ไฮไลท์สำคัญของ สูตรเสน่หาเดอะมิวสิคัล คือบทเพลงที่สร้างสรรค์ทำนองใหม่ทั้งหมด 20 เพลง เพื่อร้อยเรียงเรื่องราว เทียบอารมณ์คาแรกเตอร์ของตัวละครเป็นรสชาติอาหาร เช่น เพลง Bitter sweet ที่นางเอกกำลังรู้สึกว่าพระเอกสุดโหดก็มีมุมอ่อนโยน, เพลงสูตรขื่นครูขม, เพลงปรุงรสด้วยรัก  ประกอบกับนำศาสตร์และศิลป์ของการทำอาหารมาผสมผสานกับมิวสิคัลในโชว์ผ่านฝีมือการแสดงนำแสดงโดย เชียร์ – ฑิฆัมพร กับบทบาทนางเอกละครเวทีครั้งแรกที่จัดเต็มทั้งร้อง ทั้งเล่น ในบทบาทคุณอลินจอมเป๊ะ, เก้ง – เขมวัฒน์ นักร้องนำวง crescendo ที่ผ่านงานละครเวทีมามากมายและถือเป็นพระเอกละครเวทีที่กำลังมาแรงในปีนี้คือ คนที่รับบท ครูกุ๊กสุดโหด นอกจากนี้คนดูจะได้อรรถรสแบบเต็มรสชาติไปกับเชฟป้อม – ม.ล.ขวัญทิพย์ รับบทเป็นคุณแม่ของครูกุ๊ก แม่ครัวผู้เป็นแรงบันดาลใจให้ครูกุ๊กรักการทำอาหารตั้งแต่ยังเด็ก และยังมีนักแสดงท่านอื่น ๆ ที่จะมาร่วมสร้างสรรค์ความสนุก อาทิ อาร์ม – กรกันต์, เมฆ – จิรกิตติ์, เพชร – กรุณพล และ แอปเปิ้ล – ลาภิสรา 

เชื่อได้ว่า “สูตรเสน่หาเดอะมิวสิคัล” จากการปรุงรสครั้งใหม่นี้จะเสิร์ฟความสนุกสนาน ความรักในทุกแง่มุมให้ผู้ชมได้รับความผ่อนคลายและคลายเครียด ซึ่งเปรียบเสมือนอาหารของหัวใจในวันที่เหนื่อยล้าที่พร้อมมอบอรรถรสและรสชาติใหม่ ๆ ให้กับคนดู ไม่ว่าจะเป็นคนที่เคยหลงรักอลินและครูกุ๊กมาแล้ว หรือกระทั่งผู้ที่ยังไม่เคยได้อ่าน ได้รับชมมาก่อน  บี มิวสิคัล รับประกันได้ว่าเมื่อดูจบแล้วคุณจะต้องยิ้ม ต้องหิว และได้แง่คิดสำคัญที่ซ่อนอยู่ในเรื่องราวความโรแมนติก – คอมเมดี้จากสูตรเสน่หาเดอะมิวสิคัล

 “คุณรักเขา เพราะว่าเขาเพอร์เฟกต์ หรือ คุณรักเขา เขาเลยเพอร์เฟกต์” 

หนึ่งในประโยคที่อยู่บนปกหลังของนวนิยายสูตรเสน่หาที่ถูกนำมาตีความไว้ในมิวสิคัลเรื่องนี้ รับรองว่าการปรุงรสครั้งนี้จะเป็นอาหารรสเลิศ ส่วนเรื่องราวความรักของอลินและครูกุ๊กจะเป็นอย่างไร พลาดไม่ได้กับ “สูตรเสน่หา เดอะมิวสิคัล” ละครเพลงจาก บริษัท บี มิวสิคัล ที่พร้อมเปิดม่านในวันศุกร์ที่ 27 กันยายน 2562 ณ โรงละครเอ็ม เธียร์เตอร์ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ สามารถจองบัตรได้ที่ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ทุกสาขา บัตรจำหน่ายในราคา 1,200 บาท, 1,700 บาท, 2,200 บาท, 2,700 บาทและ 3,200 บาท ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Fanpage Be Musical

#สูตรเสน่หาเดอะมิวสิคัล #Loverecipe