fbpx

สมัยก่อนหนังสือพิมพ์อาจจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ทุกคนสามารถรับข้อมูลข่าวสารได้ใช่ไหมครับ? แต่ปัจจุบันนี้ด้วยเทคโนโลยีต่างๆ มากมายก็ทำให้หนังสือพิมพ์ถูกลดคุณค่าลง เนื่องด้วยข่าวสารผ่านทางอินเตอร์เน็ตสมัยนี้มันค่อนข้างไวซะเหลือเกิน แต่วันนี้ถ้าคุณได้หยิบหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ขึ้นมาอ่านคอลัมน์นี้ นั่นหมายความว่าคุณนั้นเป็นหนึ่งในไม่กี่เปอร์เซ็นต์ที่ยังคงอ่านหนังสือพิมพ์อยู่แน่นอน และเราต้องขอขอบคุณที่ท่านอุดหนุนเราด้วยเช่นกัน ฉะนั้น วันนี้เราจะมาแกะข้อมูลเกี่ยวกับหนังสือพิมพ์กัน ติดตามได้จากบทความนี้ได้เลย

เริ่มต้นจากผลสำรวจกันก่อนเลย ภาพรวมของการบริโภคสื่อในปี 2562 ที่ผ่านมานั้นจะเห็นได้ว่าสื่อที่คนเห็นหรือติดตามมากที่สุด นั่นก็คือ สื่อภาพเคลื่อนไหวมากถึงร้อยละ 85.9 รองลงมาคือสื่อกลางแจ้งร้อยละ 84.3 ส่วนสื่อสิ่งพิมพ์นั้นอยู่อันดับสุดท้าย คือร้อยละ 33.7 นั่นเอง

แต่ที่น่าสนใจก็คือ การสำรวจโดยมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์นั้น เปิดเผยว่าสื่อสิ่งพิมพ์คือสื่อที่ได้รับผลกระทบทางลบมากที่สุดจากการเปลี่ยนแปลงของดิจิทัล หรือ Digital Disruption นั่นเอง โดยในผลสำรวจได้เปิดเผยเลขสถิติที่น่าสนใจมากๆ นั่นก็คือ คนไม่อ่านหนังสือพิมพ์มากถึงร้อยละ 66.3 เลยทีเดียว แต่ในขณะเดียวกันในกลุ่มที่อ่านหนังสือพิมพ์มีร้อยละ 33.7 เท่านั้นเอง โดยแบ่งเป็น อ่านนิตยสารอย่างเดียวร้อยละ 3.0 , อ่านหนังสือพิมพ์และนิตยสารร้อยละ 12.6 และอ่านหนังสือพิมพ์อย่างเดียวร้อยละ 18.1

โดยหนังสือพิมพ์ที่อ่านนั้น ส่วนใหญ่อ่านบนกระดาษอย่างเดียวมากถึงร้อยละ 43.8 แสดงให้เห็นว่าการออกหนังสือพิมพ์ในรูปแบบกระดาษยังคงเป็นการเพิ่มมูลค่าและทำให้คนจดจำมากขึ้นนั่นเอง นอกจากนั้นในปัจจุบันหลายสื่อสิ่งพิมพ์ยังเพิ่มลูกเล่นให้กับหนังสือพิมพ์โดยการเพิ่มโฆษณาบนหน้าแรก หรือที่เราเรียกกันว่า Warp-up นั่นเอง ซึ่งมูลค่าต่อหน้ามีมากมายเลยทีเดียว ยกตัวอย่างคือ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐขายโฆษณาบนหน้า warp-up 4 หน้า (ครอบเล่ม) อยู่ที่ 3,000,000 บาท/วัน และ 2 หน้า (หน้าแรก-หน้าหลัง) อยู่ที่ 1,500,000 บาท/วัน ทำให้ได้มูลค่าตรงนี้ไปมากพอสมควรเลยทีเดียว นอกจากนั้นยังขาย Thairath AR เพิ่มเข้าไปเพื่อส่งเสริมการขายได้อีกทางหนึ่งด้วย

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าสนใจอีกทางหนึ่ง นั่นก็คือแนวโน้มการอ่านหนังสือพิมพ์เพียงอย่างเดียวจะค่อยๆ ลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ กล่าวคือจากการประเมินจะเห็นได้ว่าคนจะไม่อ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์อย่างเดียวจะเพิ่มจากร้อยละ 73.7 ในปี 2562 เป็นร้อยละ 74.4 ในปี 2572 นั่นเอง

อีกสิ่งที่น่าสนใจและสามารถนำไปต่อยอดได้ต่อ นั่นก็คือกลุ่มคนที่อ่านหนังสือพิมพ์มากที่สุดกลับเป็นกลุ่ม Gen Y (อายุ 24-41 ปี) ในขณะที่กลุ่ม Gen X นั้นอ่านเป็นอันดับ 2 และ Baby Boomer อ่านเป็นอันดับ 3 นั่นเอง