fbpx

Miss Americana สารคดีของ เทย์เลอร์ สวิฟต์(Taylor Swift) นักร้องชื่อดังหนึ่งในศิลปินหญิงที่มีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จมากที่สุดของโลก ซึ่งถูกปล่อยออกมาในวันสุดท้ายของเดือนมกราคม ด้วยความยาว 1 ชั่วโมง 25 นาที โดยเรื่องราวที่ Miss Americana เลือกจะหยิบมาบอกเล่านั้น เน้นไปที่การเติบโตของเทย์เลอร์ โดยเฉพาะการเติบโตทางความคิดและเพลงของเธอเป็นหลัก มากกว่าเล่าถึงเรื่องส่วนตัว เรื่องราวเชิงลึก หรือการเจาะไปที่เรื่องดราม่าที่ถาโถมเข้ามาตลอดการเป็นศิลปินของเธอ ซึ่งในเรื่องนี้เราจะพบสิ่งเหล่านี้แค่ผิวเผินเท่านั้น เพราะแท้ที่จริงแล้ว message หลักที่ เทย์เลอร์ ต้องการจะส่งมาให้เรานั่นก็คือการก้าวข้ามความกลัวแล้วลุกขึ้นมาแสดงจุดยืน (ทางการเมือง) เปลี่ยนจากเสียงเพลงมาเป็นเสียงเรียกร้องเพื่อสังคม

Credit Photo: http://oltnews.com/miss-americana-taylor-swift

สารคดีนั้นเริ่มต้นด้วยจุดเริ่มต้นในการมาเป็นนักร้องของเธอ เริ่มมีชื่อเสียง เริ่มได้รางวัล โดยเนื้อเรื่องก็จะไล่เหตุการณ์ไปตามอายุของเธอเรื่อยๆ ซึ่งก็พาให้เราได้รู้ถึงประสบการณ์ที่เลวร้ายครั้งแรกของเธอนั่นก็คือ กับเหตุการณ์ที่ คานเย เวสต์ (Kanye West) ลุกขึ้นมาแย่งไมค์แล้วพูดหักหน้าเธอ ระหว่างที่เธอกำลังกล่าวคำขอบคุณหลังจากได้รับรางวัลในงาน MTV โดยสิ่งที่เกิดขึ้นก็ได้กระทบจิตใจของเธอ และได้เร่งปฏิกิริยาอะไรบางอย่างในตัวเธอ ต่อเนื่องด้วยการเผชิญกับความรู้สึกโดดเดี่ยว, ความกดดันในการทำอัลบั้มใหม่, ความกังวัลเกี่ยวกับรูปร่างของเธอ, ดราม่าเกี่ยวกับหนุ่มๆ, ปัญหากับศิลปินอื่น, ปัญหากับค่ายเพลง,  #TaylorSwiftIsOverParty และคลื่นความเกลียดชังที่ซัดใส่เธอในโลกออนไลน์ โดยส่วนนี้จะเป็นการเล่าเรื่องแบบเร็วๆ ให้เห็นภาพรวมว่าผู้หญิงคนนี้ได้ผ่านเรื่องราวเลวร้ายอะไรมาบ้าง และความทุกข์ ความเศร้า ที่เกิดขึ้นได้ไปจุดไฟความรู้สึกโกรธแค้นของเธอเข้า จนต้องพยายามรีเซ็ตตัวเองและพยายามลุกขึ้นยืนอีกครั้ง หลังจากนั้นก็จะเล่าถึงจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธออยากเข้ามามีบทบาททางการเมือง ซึ่งก่อนหน้านี้ ‘การเมือง’ เป็นเรื่องที่เธอพยายามหลีกเลี่ยงไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวและไม่พูดถึงมาโดยตลอด แต่หลังจากที่เธอได้เผชิญกับการถูกคุกคามทางเพศ และตกอยู่ในอารมณ์โกรธแค้นที่เธอถูกทำให้เป็นคนร้ายทั้งๆ ที่เธอเป็นผู้ถูกกระทำ เหตุการณ์นี้ได้ผลักดันให้เธอกล้าที่จะออกมาเปล่งเสียงทางการเมือง เทย์เลอร์ นั้นก็ได้หลงใหลกับอิสระที่สามารถก้าวข้ามการถูกปิดปากทางการเมือง เธอได้เข้ามามีบทบาทในการเป็นกระบอกเสียงทางการเมืองไม่ว่าจะทั้ง LGBTQ+, Feminist และการออกมาเชียร์พรรคเดโมแครตอย่างเปิดเผย

ตลอดการเล่าเรื่องนั้นได้แสดงให้เห็นถึงการเติบโต การเผชิญกับเหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งส่งผลต่อความเชื่อความคิดของเธอ สิ่งที่เธอเจอมันได้หล่อหลอมให้เธอกลายเป็นคนใหม่ และสิ่งที่เติบโตคู่ขนานไปกับเธอนั่นก็คือเพลงของเธอ เสน่ห์อย่างหนึ่งของศิลปินที่แต่งเพลงเองคือมันจะบอกเล่าเรื่องราวของผู้แต่งผ่านเนื้อเพลง ดังนั้นแล้วเพลงของเธอก็ได้เติบโตและเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางเดียวกับเธอเช่นกัน จากเพลงคันทรีกลายมาเป็นเพลงป็อป เพราะต้องการจะพิสูจน์ตัวเอง จากเพลงรักหวานแหววมาเป็นเพลงที่เต็มไปด้วยความโกรธ และจากเพลงที่เต็มไปด้วยความโกรธมาเป็นเพลงที่พูดถึงชีวิต ซึ่งในหนังจะฉายให้เห็นถึงเบื้องหลังการทำเพลงในแต่ละอัลบั้มของเธอด้วย (โดยส่วนตัวแล้วพาร์ทเบื้องหลังการทำเพลงนั้นเป็นพาร์ทที่ผู้เขียนชื่นชอบเป็นพิเศษ)

ในด้านของเทคนิคนั้น การลำดับเรื่องดูเหมือนจะพยายามไล่ไปตามอายุของเทย์เลอร์ไปเรื่อยๆ แต่กลับตัดภาพสลับไปมาในบางช่วง ทำให้การรับชมนั้นรู้สึกสะดุด ไม่ค่อยสมูทเท่าที่ควร

นอกจากนี้ เทย์เลอร์ ก็ได้ปล่อยเพลงประกอบสารคดี ชื่อว่า “Only The Young” ซึ่งมีแรงบันดาลใจมากจากความรู้สึกพ่ายแพ้หลังจากที่เธอออกมาแสดงจุดยืนทางการเมืองข้างพรรคเดโมแครต และส่งเสียงกระตุ้นให้คนออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งกลางสมัยในรัฐเทนเนสซี แต่ผลการเลือกตั้งนั้นไม่เป็นไปตามที่เธอหวังไว้ เธอจมอยู่กับความผิดหวังและเลือกที่จะนำความผิดหวังนั้นมาเปลี่ยนเป็นเสียงเพลงเพื่อประกาศว่าเธอจะต่อสู้ต่อไป

สุดท้ายแล้ว “Miss Americana” ก็ได้ทำให้เราเข้าใจ เทย์เลอร์ สวิฟต์ ในด้านของเธอมากยิ่งขึ้น เข้าใจถึงแรงผลักดันและเอเนอจี้ที่เธอมี เราได้เห็นเรื่องราวของเด็กสาวที่มีเสียงเพลงเป็นไดอารี่ เด็กสาวที่อยู่ในกรอบในระเบียบ เด็กสาวที่เป็นที่รักและเป็นที่ชัง เติบโตขึ้นเป็นหญิงสาวที่เข้มแข็ง เป็นนักสู้ และเป็นหญิงสาวที่กล้าเผชิญหน้ากับ “การเมือง”

และจากทั้งหมดที่เราได้รู้เกี่ยวกับตัวเธอนั้น เราก็ได้สัมผัสถึงความมหัศจรรย์ของเธอที่สามารถเปลี่ยนพลังลบมาเป็นเชื้อเพลิงให้กับขบวนรถไฟชีวิต ซึ่งก็ได้พาเธอทะลุขีดจำกัดของตัวเองไปเรื่อยๆ ไม่รู้ว่ารถไฟขบวนนี้จะไปสิ้นสุดลงเมื่อไหร่ บางครั้งเหมือนเครื่องยนต์จะดับแต่ก็ไม่ และในทุกวันนี้ก็ยังคงร้อนแรง ส่งเสียงหวีดดังกังวาลไปทั่ว