fbpx

50 ปีที่ผ่านมา ไทยทีวีสีช่อง 3 ได้ออกอากาศส่งต่อความสุขให้แก่ผู้ชมมาโดยตลอด สิ่งที่หลายคนกำลังจับตาก็คือในวันที่ 25 มีนาคม 2563 เวลา 24.00 น. ไทยทีวีสีช่อง 3 กำลังจะยุติการออกอากาศในระบบแอนะล็อกอย่างเป็นทางการแล้ว และช่อง 3 ก็กำลังจะถูกจับตามองเป็นอย่างมากถึงการพัฒนาไปสู่ธรุกิจใหม่ๆ อีกด้วย วันนี้ส่องสื่อเลยขอจับเข่าคุยกับ “อริยะ พนมยงค์” กรรมการผู้อำนวยการ บมจ. BEC World มาพูดถึงมุมองของช่อง 3 ในยุคปี 2020 กันครับ แต่ก่อนอื่นเราจะมาดูเรตติ้งของไทยทีวีสีช่อง 3 กันก่อน ติดตามจากบทความนี้ได้เลยครับ

เรตติ้งของไทยทีวีสีช่อง 3 ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเฉลี่ยตลอดทั้งปีมีอัตราที่ลดลงเรื่อยๆ โดยปัจจัยหนึ่งที่สำคัญที่ทำให้เรตติ้งลดลงก็คือการที่มีทีวีดิจิทัลรายอื่นๆ เข้ามาเล่นและแย่งผู้ชมในตลาดเป็นหลัก ซึ่งสถานการณ์นี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่ช่อง 3 เท่านั้น แต่กับช่อง 7 ก็มีสถานการณ์ใกล้เคียงกันอีกด้วย ในขณะที่กลุ่มช่องเกิดใหม่อย่าง Workpoint ,MONO29 และ One 31 มีอัตราเรตติ้งที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

สิ่งสำคัญที่จะทำให้ BEC World ต้องอยู่รอดให้ได้ ก็ต้องพึ่งปัจจัยการปรับตัวให้ทันต่อสถาการณ์ และที่สำคัญก็คือต้องทำให้ตนเองนั้นคล่องตัวในการทำงานมากขึ้น รวมไปถึงต้องสร้างธุรกิจใหม่ให้เติบโตอย่างยั่งยืนอีกด้วย และนี่คือสิ่งที่ “อริยะ พนมยงค์” กำลังจะทำให้เกิดขึ้นกับ BEC World นั่นเอง…

ปี 2020 ในสายตาของช่อง 3

“ปี 2020 ก็น่าจะเป็นปีที่เหนื่อยเหมือนกันสำหรับอุตสาหกรรมเรา แต่รวมไปถึงเศรษฐกิจของโลกก็เช่นกัน ปีนี้สิ่งที่เราเห็นก็คือความเปลี่ยนแปลงอย่างจริงจังจากทางช่อง 3 ผมอยู่มา 9 เดือนแล้ว ผมคิดและเชื่อว่าสิ่งที่ทุกคนรอคอยอยู่ นอกเหนือจากกลยุทธ์ที่รออยู่ สิ่งหนึ่งที่รอคอยก็คือความเปลี่ยนแปลงบนหน้าจอโทรทัศน์ เพราะสุดท้ายธุรกิจของเราก็ยังอยู่บนหน้าจอ

ทีนี้พอพูดถึง Disruption เราก็พูดกันบ่อยมาหลายปี ผมก็ไปค้นคว้าสถิติมา สิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไร? คือจำนวนผู้ใช้อินเตอร์เน็ตเพิ่มขึ้น โดยในปี 2014 เรามีผู้ใช้อินเตอร์เน็ตอยู่ที่ 27 ล้านคน ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับการเกิดทีวีดิจิทัล 24 ช่อง สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือในปี 2015 จำนวนผู้ใช้อินเตอร์เน็ตโดดขึ้นเป็น 40 ล้านคน และนับวันนี้เราอยู่ที่ 55 ล้านคน ฉะนั้นในระยะเวลา 4 ปีจำนวนผู้ใช้อินเตอร์เน็ตเพิ่มขึ้น 2 เท่า เพราะฉะนั้นอย่างที่เราคุยกันหลายๆ ครั้ง ก็เราเกิด Disruption 2 ลูกด้วยกัน

ลูกแรกก็คือ ถ้าเราพูดถึงเม็ดเงินของสื่อ เป็นเม็ดเงินที่แบ่งจำนวนผู้เล่นที่มากขึ้น กับพฤติกรรมของคนที่ใช้ออนไลน์มากขึ้น ภายในเวลาแค่ 4 ปี แล้วก็บังเอิญว่าประเทศไทยเป็นตลาดที่น่าสนใจและท้าทาย และพอดูดี ๆ เราจะพบว่าปัจจุบันมี 3 ผู้เล่นใหญ่ๆ ก็คือ Google ,Facebook และ LINE

คือมันมีไม่กี่อย่างที่เราจะอยู่อันดับต้นๆ ของโลกนะครับ แต่โลกออนไลน์คือหนึ่งในนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นและเห็นภาพก็คือประเทศไทยเป็นประเทศดิจิทัลในแง่ของผู้ใช้ อันนี้คือ Disruption ในมุมมองของผู้บริโภค วันนี้เราอยู่ในสื่อที่เราแย่งเวลาของผู้บริโภคกันอยู่ อะไรที่แย่งเวลาของผู้บริโภค วันนี้เราแข่งกันหมด เพราะฉะนั้นวันนี้สิ่งที่เทคโนโลยีให้ไม่ได้ก็คือ “เวลา” เรามีเวลาอยู่ 24 ชั่วโมง เวลาที่เราใช้ 1 บริการดูคอนเทนต์ คือเวลาที่เราไม่ได้อยู่บน Platform อื่น ๆ ฉะนั้นเราไม่ได้มองในแง่ของแค่วีดิโอคอนเทนต์เท่านั้น แต่เรามองหมดทุกอย่าง

ถ้าเรามองย้อนกลับไปในปี 2019 เราก็จะเห็นว่าแนวโน้มของภาพรวมของสื่อก็ยังทรงๆ อยู่ มีลดลงอีกประมาณ 1-2% ทีวีก็ยังลดลงอยู่ สื่อหลักๆ ที่ยังโตอยู่ก็จะมีสองสื่อ ก็คือสื่อดิจิทัลเติบโต 19% และสื่อโฮม ช็อปปิ้งเติบโต 38% ภาพรวมอุตสาหกรรมลดลง 2% ส่วนของภาพ BEC World 3 ไตรมาสรวมกันเรายังติดลบอยู่ 138 ล้านบาท จริง ๆ เราเพิ่งบวกในไตรมาสที่ 3

ภาพรวมของเศรษฐกิจโลกก็ดูเหมือนจะชะลอตัว ส่วนประเทศไทยก็ประกาศไปแล้วว่า GDP จะโตช้าลง ส่วนสื่อโฆษณาสำหรับผมก็คือว่าน่าจะลดลง”

อีกสิ่งหนึ่งที่ทุกคนกำลังพูดถึงก็คือ การปิดตัวของโทรทัศน์ในระบบแอนะล็อกเดิม ที่มีแผนกำหนดการยุติการออกอากาศในเที่ยงคืนของวันที่ 25 มีนาคม 2563 นี้ ส่องสื่อจึงสอบถามประเด็นต่างๆ ที่อาจจะมีผลกระทบต่อธุรกิจของช่อง 3 ได้

ปิดทีวีแอนะล็อก ไม่มีผลต่อธุรกิจโดยรวม

การปิดแอนะล็อก ทุกวันนี้คือวิ่งคู่ขนานกันอยู่แล้ว แล้วคือเราเป็นช่องสุดท้ายที่ยังออกอากาศในระบบแอนะล็อกอยู่ มันคือแค่เรื่องของระยะเวลา ไม่ได้เป็นนัยยะสำคัญเท่ากับการปิด 2 ช่องดิจิทัลที่ส่งผลดีต่อภาพรวมเป็นหลัก ในการแข่งขันถ้าพี่ๆ จำได้ ผมก็ประเมินการว่าการแข่งขันจะดุเดือดมากขึ้น เราเลยคืน 2 ช่องและก็เกิดการแข่งขันที่ดุเดือดมากขึ้น นั่นคือโอกาสเดียวที่จะคืนช่องได้ คนที่จะอยู่อุตสาหกรรมนี้ก็ต้องอยู่ให้รอด

ปิดแอนะล็อก = คืนที่ดินหนองแขม?

ก็ตอนนี้เรากำลังเจรจากับทาง อสมท ในเรื่องของการเช่าที่ดินที่หนองแขมต่อ เรามีแผนต่อถ้าเช่นต่อก็จบ แต่ถ้าไม่ได้เช่าต่อก็ไปเช่าที่อื่น แต่อยู่ในระหว่างการคุยกันอยู่

BEC World จะโดน Disrupt อะไรอีกไหม?

โดยธรรมชาติวงการเทคโนโลยีเร็วกว่าทุกวงการ ด้วยลักษณะของธุรกิจก็คือทำให้คล่องตัวได้อยู่แล้ว เพราะมักจะเป็นธุรกิจที่สร้างขึ้นมาใหม่ การเคลื่อนไหวก็ต้องเร็วกว่าอยู่แล้ว สำหรับเราก็ต้องปรับตัว วันนี้การแข่งขันเราไม่ได้แข่งแค่ช่องทีวี แต่เป็นคนที่อยู่รอบข้างเราด้วย คนที่แย่งเวลาคนดูนั่นก็ถือว่าเป็นคู่แข่งของเรา ฉะนั้นความเร็วก็สำคัญ ฉะนั้นเราจะประมาทไม่ได้ ส่วนธุรกิจที่เป็น Traditional ลักษณะของธุรกิจและวัฒนธรรมองค์กรแตกต่างกันเยอะ

ต้อคอยจับตาดูกันต่อไปว่าในปีที่ 50 นี้ช่อง 3 จะแก้เกมส์และต่อสู้กับ Digital Disruption ยังไงต่อได้บ้าง? รวมไปถึงการกอบกู้เรตติ้งให้กับทางช่องเองจะมีแผนตรงไหนที่เข้ามาช่วยเพิ่มเติมได้บ้างหรือไม่? ส่วนนี้เป็นส่วนที่น่าสนใจมากๆ และต้องคอยติดตามกันต่อไป