fbpx

ช่วงนี้ถือเป็นช่วงของการประกาศงบการเงินในไตรมาสที่ 1/2563 ของแต่ละบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ นอกจากบีอีซี เวิลด์ที่เราเคยนำเสนอไปแล้ว อมรินทร์ กรุ๊ปก็เป็นอีกเจ้าที่ประกาศผลประกอบการไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยในไตรมาสที่ 1/2563 มีผลประกอบการที่ขาดทุนไป 20 ล้านบาท

โดยมีรายได้ทั้งหมดอยู่ที่ 699.87 ล้านบาท โดยแบ่งรายได้มาจากธุรกิจโทรทัศน์ช่องอมรินทร์ ทีวี หมายเลข 34 เป็นจำนวน 271 ล้านบาท ถ้าเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2562 มีรายได้เพิ่มขึ้น 62 ล้านบาท ทำให้ส่วนนี้ได้กำไรอยู่ที่ 2 ล้านบาท , รายได้จากธุรกิจรับจัดงานและโฆษณาผ่านสื่อออนไลน์ มีรายได้อยู่ที่ 120 ล้านบาท มีกำไรอยู่ที่ 8 ล้านบาท และรายได้จากการจัดจำหน่ายหนังสือ มีรายได้อยู่ที่ 393 ล้านบาท ขาดทุนอยู่ที่ 29 ล้านบาท ทำให้เมื่อรวมกันจึงขาดทุน 20 ล้านบาทนั่นเอง

โดยหมายเหตุของงบการเงินได้มีการชี้แจงเกี่ยวกับผลกระทบที่เกิดจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ส่งผลทำให้ธุรกิจของบริษัทขาดทุนเอาไว้ด้วยว่า “ตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคม 2563 ผู้บริหารได้ตัดสินใจที่จะปิดร้านนายอินทร์จำนวน 120 สาขา เพื่อจะจำกัดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19) ซึ่งสอดคล้องกับการประกาศของส่วนงานราชการหลายจังหวัดที่ทยอยมีคำสั่งให้ปิดสถานประกอบการหรือลดเวลาประกอบกิจการเป็นการชั่วคราวซึ่งเริ่มในเดือนมีนาคม 2563 ผู้บริหารมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อแก้ปัญหาจากสถานการณ์ดังกล่าวเพื่อลดกระทบต่อสินทรัพย์และการดำเนินงานของกลุ่มบริษัท”

นอกจากนี้อมรินทร์ กรุ๊ป ยังชี้แจงในคำชี้แจงผลประกอบการไตรมาสที่ 1/2563 อีกด้วยว่า “แม้ว่ารายได้จากการจำหน่ายหนังสือและสิ่งพิมพ์จะลดลง เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19) ทำให้ช่องทางการจัดจำหน่ายหลัก ได้แก่ ร้านหนังสือ ต้องปิดดำเนินการชั่วคราวตามคำสั่งของภาครัฐ รวมทั้งมีการงดการจัดงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ เพื่อรักษาระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ตามนโยบายของภาครัฐในการลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโรค COVID-19

บริษัทฯก็ได้เน้นการจัดจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้น ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ทำให้ยอดขายในช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้น ชดเชยยอดขายที่ลดลงจากทางหน้าร้านหนังสือได้บางส่วน ประกอบกับธุรกิจทีวีดิจิทัล ซึ่ง ดำเนินการโดยบริษัท อมรินทร์ เทเลวิชั่น จำกัด ยังคงสามารถทำรายได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากการพัฒนาเนื้อหารายการ ได้แก่ การสร้างช่วงเวลาละคร ในวันเสาร์และอาทิตย์ระหว่าง เวลา 22.00 – 23.00 น.

และในเดือนมกราคมที่ผ่านมา บริษัท อมรินทร์ เทเลวิชั่น จำกัด ได้ลิขสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียวในการถ่ายทอดสดการแข่งขันวอลเลย์บอลหญิง เพื่อชิงตั๋วใบสุดท้ายในการเป็นตัวแทนจากทวีปเอเชียเข้าไปแข่งขันในกีฬาโอลิมปิค 2020ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งส่งผลต่อรายได้และระดับความนิยมเฉลี่ย (Rating) ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 0.419 ในเดือนธันวาคม 2562 เป็น 0.486 ในช่วงเดือนมกราคม – มีนาคม 2563”

อนึ่ง ส่องสื่อได้นำเสนอเรื่องราวของอมรินทร์เกี่ยวกับการจ่ายปันผลเมื่อเดือนมีนาคม-เมษายน 2563 ที่ผ่านมา เกี่ยวกับผลประกอบการของอมรินทร์ในปี 2562 ที่ได้กำไรเข้ามาเพิ่ม โดยท่านสามารถอ่านรายละเอียดได้ทาง http://songsue.co/5994/