fbpx

รายการ “Drag Race Thailand” รายการแข่งขัน Drag Queen รายการแรกในประเทศไทยที่ไปซื้อลิขสิทธิ์จาก “RuPaul’s Drag Race” รายการสัญชาติอเมริกันที่สร้างกระแสและความนิยมมาถึงซีซั่นที่ 9 แล้ว ส่องสื่อเลยขอเชิญพิธีกรหลักของรายการอย่าง “อาร์ต อารยา” ที่พอดู Profile แล้ว ทีมงานถึงกับอึ้งกับความสามารถและประสบการณ์ที่มีมากมาย และคราวนี้เขาก็จะมานั่งแท่นเป็น “พิธีกรหลัก” ด้วย (คือในรายการมีพิธีกร 2 คน) ซึ่งก็เปรียบเหมือนรูพอล (RuPaul) เลยทีเดียว มานั่งคุยถึงการได้จับพลัดจับพลูมาทำรายการนี้ รวมถึงประเด็นของการเป็น Drag Queen ในสังคมไทยด้วยว่าเปิดกว้างหรือเป็นที่น่าสนใจมากน้อยแค่ไหน คุณพร้อมที่จะอ่านรึยัง? ถ้าพร้อมแล้ว หาที่นั่งสบายๆ เปิดสมองและหัวใจให้พร้อม และอ่านบทสัมภาษณ์นี้ไปพร้อมๆกันเลยครับ…

แนะนำตัวเองก่อน…

อาร์ต : สวัสดีค่ะ พี่อาร์ต อารยานะคะ หรือว่าชื่อที่ใช้ในวงการเขาเรียกว่า “อาร์ต อาย่า” นะคะ เรียนจบคณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร เกียรตินิยมอันดับที่ 2 แล้วก็ไปศึกษาต่อด้านแฟชั่นดีไซน์ที่ปารีส ฝรั่งเศส แล้วก็ไปทำงานที่ฝรั่งเศสเป็นเวลาทั้งหมด 4 ปี หลังจากนั้นก็กลับมาทำงานที่เมืองไทยเป็น Creative Director ให้กับ Flynow เป็นเวลา 1 ปี หลังจากนั้นก็ลาออกมาเป็น Freelance Stylist ตั้งแต่นั้นมา ปัจจุบันนี้ทำงานเป็น Creative Director เป็นที่ปรึกษาด้านแฟชั่น เป็นอาจารย์สอนแฟชั่น ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง แล้วก็เป็น Show Director ,เป็นที่ปรึกษาให้บริษัทแฟชั่น แบรนด์ต่างๆในประเทศไทยด้วย

จุดเริ่มต้นของการเป็น Drag Queen…

อาร์ต : สำหรับตัวพี่เองนะ พี่เริ่มต้นแต่งตัว Show Off ตั้งแต่มหาวิทยาลัยปี 1 (18 ปีโดยประมาณ) ด้วยความที่เราเข้าไปในมหาวิทยาลัยที่เป็นศิลปะ แล้วมหาวิทยาลัยเขาต้องการให้พวกเราทุกคนแสดงออก ดังนั้นเวลาจับน้องแต่งตัวเป็นต่างๆนานา บ้าๆบอๆ แรกๆเราก็งงนะว่าการแต่งตัวแบบนี้มันหมายความว่าอย่างไร? แต่ตอนนั้นมันไม่มีศัพท์คำว่า Drag มันแค่จับแต่งหญิง เราก็มีความรู้สึกว่า “มันสนุก มันมีความคิดสร้างสรรค์” มันมีอะไรที่แอบแฝงได้เยอะ มันมีลูกเล่นเพียบ แล้วก็ทำเรื่อยมาจนกระทั่งเรียนต่อต่างประเทศ ก็เลยรู้จักคำว่า Drag แล้วก็ทำตั้งแต่ตรงนั้นไล่มาเรื่อยๆ ทีนี้ด้วยความที่คนปัจจุบันอาจจะไม่รู้จักว่าพี่อาร์ตเคยแต่งตัวแบบนี้มาก่อน ทุกคนมองว่าพี่อาร์ตก็แค่แต่งหญิงไปวันๆ แต่จริงๆแล้วเนี่ย ถ้าอดีตมันมีโลกโซเชี่ยว มันก็คงเห็น แต่ทีนี้มันไม่มีโลกโซเชี่ยว สมัยนั้นมีแต่ฟิล์ม พอมีแต่ฟิล์ม คนมันก็ไม่ได้เห็น เอาเป็นว่าพี่อาร์ตอาจจะดูอาวุโสไปนิดนึงสำหรับเจนใหม่ แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ คุณจะได้เห็นในรายการนี้แน่นอน แล้วถ้าคุณเป็นแฟนคลับรายการ RuPual’s Drag Race ที่อเมริกา เชื่อใจได้เลยว่า ผู้จัด โปรดิวเซอร์ กับเจ้าของที่มาจากอเมริกามารับรองถึงเมืองไทย มาดูรายการเราแล้วเรียบร้อย แล้วก็เอ่ยปากชื่นชมทีมงานเราด้วยว่า รายการเราในเมืองไทยไม่แพ้ชาติใดในโลกจริงๆ

Drag Queen ถูกสังคมมองว่าเป็นตัวตลก?

อาร์ต : จริงๆแล้วเนี่ย พี่อาร์ตมองว่า Drag Queen มันคือผู้ชายทั้งหมดเลย เพราะว่ายังไม่มีใครผ่าตัด ยังไม่มีใครทำอะไรทั้งสิ้น คือผู้เข้าแข่งขันทั้งหมด 10 คนคือหัวโปกหมด เพราะฉะนั้น การที่เราเป็นหัวโปก แล้วเรามีความคิดสร้างสรรค์เยอะ มันไม่ใช่แค่สร้างสรรค์ให้ตัวเองเป็นผู้หญิง แต่สร้างสรรค์ให้ตัวเองเป็นบุคคลอีกบุคคลหนึ่ง ซึ่งตอบไม่ได้ว่าเป็นตัวอะไร มันเป็น Creative ขึ้นมา เพราะฉะนั้น ถ้าใครจะดูถูกก็ให้เขาดูถูกไป เราไปแก้เขาไม่ได้ เพราะอย่างพี่อาร์ต พี่โตมากับครอบครัวที่เปิดเผย แล้วก็ยอมรับในสิ่งที่พี่อาร์ตเป็น มันก็เลยไม่มีปัญหา พี่อาร์ตเลยมองว่าความคิดของพี่อาร์ตเป็นปกติ ไม่เคยมีใครบอกว่าผิดปกติ เพราะฉะนั้นการที่พี่อาร์ตจะเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์เยอะก็เลยเป็นเรื่องธรรมดา ชิวๆ แล้วก็ไม่มีความรู้สึกว่า “ทำไมจะต้องไปกลัวใคร?” หรือต้องไปยอมใคร? มันไม่ใช่เรื่องที่จะต้องไปกลัวมัน เรารักตัวเราเอง เหมือนที่ RuPual พูดเสมอว่า “ถ้าเราไม่รักตัวเราเอง แล้วเราจะไปรักคนอื่นได้ยังไง?” เราต้องเข้าใจข้อความนี้ก่อน เพราะฉะนั้น เราอย่าไปมองมันในแง่ลบเรามองในแง่บวกดีกว่าว่าตัวเราเอง ทำอะไรให้เขาล้อเลียน? ถ้าทำอะไรให้เขาล้อเลียนได้ นั่นก็แปลว่า อาจจะมีอะไรบางอย่างที่อาจจะทำให้ไม่สบายใจในตัวเราเองได้ แต่ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่เรามีความภูมิใจและพอใจในสิ่งที่เราเป็น พูดอะไรก็พูดไปเหอะ ไม่สะเทือน! 

ที่มาที่ไปของการเอา Drag Race มาในประเทศไทย

อาร์ต : คือจริงๆแล้ว ไลน์ทีวีอาจจะเล็งเห็นอะไรบางอย่างของรายการนี้ เมื่อบวกกับทางกันตนาที่เปิดรับกับเรียลลิตี้โชว์ในทุกรูปแบบ แล้วก็ด้วยความที่มันเป็นเรื่องสากลมาก โดยเฉพาะเรื่องของ Gender ที่ตอนนี้ทั่วโลกพูดถึงมาก เหมือนว่าทุกคนเป็น Gender ที่เท่ากันหมด ก็เลยเหมือนกับว่ามันเป็นกระแสตอบรับที่ดี ทั้งไลน์ทีวีและกันตนาจับมือกันแล้วทำรายการนี้ขึ้นมา เพราะฉะนั้นพี่อาร์ตมองว่ามันอาจจะเป็นเหตุผลนี้ก็ได้ที่ทำให้ผู้ใหญ่หลายๆคน เลือกซื้อรายการนี้เข้ามาผลิตในบ้านเรา เพราะเขาเห็นว่าเราอาจจะมีช่องทางในการเปิดให้กับคนเหล่านี้ได้ 

สิ่งที่ Drag Race Thailand แตกต่างจากสื่ออื่นๆที่เขานำเสนอ

อาร์ต : รูปแบบในการผลิตรายการ เราเอา Format ของต่างประเทศมา แต่เราก็ปรับปรุงเล็กๆน้อยๆให้เข้ากับวิถีบ้านเรา เพราะฉะนั้นสำหรับพี่อาร์ต เราคิดว่ามันมีความแตกต่างแน่นอน แล้วเราก็รับรองได้เลยว่า มันไม่เหมือนคนอื่นแน่ๆ แล้วก็มันส์ไม่แพ้ชาติใดในโลกแน่ๆ แล้วก็ตอนนี้พี่อาร์ตทราบว่ามันมีที่อังกฤษ เยอรมันที่ซื้อไปทำแต่ยังไม่ได้ผลิตออกมา แล้วก็ชิลีที่ซื้อไปแต่เขาไม่ได้ผลิตเหมือนในต้นฉบับ บ้านเราก็เลยเป็นประเทศแรกที่เปิด Drag Race อย่างเป็นทางการ แล้วกระแสตอบรับจากเมืองนอกก็ดีมาก เพราะฉะนั้น อย่าให้เมืองนอกเขาต้องมาตอบรับบ้านเราอย่างเดียว คนไทยด้วยกันเองก็ต้องตอบรับด้วยเช่นกัน 

คนที่เคยดูต้นฉบับไว้แล้ว พอมาดูฉบับเมืองไทย เค้าจะผิดหวังไหม?

อาร์ต : รับรองคะ ความมันส์ไม่เหมือนกันเลย การแข่งขันสูงไม่แพ้กัน ความสนุกไม่แพ้กัน มั่นใจได้เลยว่าผู้เข้าแข่งขันทั้ง 10 คนมีสีสันไม่แพ้ชาติใดในโลกจริงๆ 

สิ่งที่คนดูจะได้จากการดูรายการนี้?

อาร์ต : นอกจากความสนุกสนานและความบันเทิงแล้ว พี่อาร์ตมองว่า มันเป็นแง่คิดเล็กๆน้อยๆที่จะทำให้เขาเปิดใจตนเองกว้างขึ้น ยอมรับว่า อันนี้ไม่ใช่นางโชว์ อันนี้คือศิลปิน อันนี้คือ Artist จริงๆ คือคนที่มีความคิดสร้างสรรค์แบบ Wow อ่ะ เราทุกคนเห็นแล้วก็จะมีความรู้สึกว่า “โอ้โห! คิดได้ไงว่ะ?” แบบนั้นเป็นต้น

ฝากรายการหน่อย

อาร์ต : สำหรับทุกคนที่จะเป็นแฟนหรือไม่ได้เป็นแฟนของ Drag Race ที่อเมริกา อยากให้เปิดใจว่าในเมื่อคุณยอมรับว่าโลกมันมีหลายเพศ หลายเผ่าพันธุ์ ลองหันมาดูนิดนึงว่ารายการของเราเนี่ย เป็นรายการที่นำเสนอบุคคลที่ต่างอาชีพ ต่างที่มา แล้วนำเสนอเป็นเรียลลิตี้โชว์ที่แสดงให้เห็นถึงความคิดสร้างสรรค์ ความสามารถ ความสวยงาม แล้วก็ทุกคนมีเสน่ห์เฉพาะตัว รับรองได้เลยว่ามันส์ไม่แพ้ชาติใดในโลกจริงๆ แล้วก็คนไทยเก่งมากๆคะ

รูปแบบของรายการ “Drag Race Thailand”

Drag Race Thailand จะยังคงยึดคอนเซ็ปต์ตามต้นตำรับ ในการตามหาแดร็กควีนที่มาพร้อม 4 คุณสมบัติที่แดร็กตัวแม่ต้องมี นั่นคือ C.U.N.T. ซึ่งหมายถึง Charisma, Uniqueness, Nerve และ Talent ซึ่งผู้เข้าแข่งขันจะต้องแสดงศักยภาพความเป็นแดร็กของตัวเองออกมาให้เจิดจรัส มีเอกลักษณ์เป็นหนึ่ง ชัดในความกล้า และเปี่ยมด้วยพรสวรรค์

ทุกสัปดาห์รายการจะประกอบไปด้วย Challenge หรือ การแข่งขันถึง 4 การแข่งขัน ได้แก่ Mini Challenge, Maxi Challenge, Runway Challenge โดยผู้เข้าแข่งขันต้องทำผลงานแต่ละรอบให้ดีที่สุดเพื่อชัยชนะพร้อมปิดท้ายทุกสัปดาห์ด้วยการแข่งขัน Lip Sync For Your Life! ที่จะเป็นโอกาสสุดท้ายของผู้เข้าแข่งขันที่มีคะแนนน้อยที่สุด 2 คนในแต่ละสัปดาห์มาแข่งขันลิปซิงค์เพื่อขอโอกาสให้ตัวเองได้ผ่านเข้ารอบต่อไปโดยจะมีผู้เข้าแข่งขันถูกคัดออกสัปดาห์ละ 1 คนและทราบผลผู้ชนะในสัปดาห์สุดท้าย

ท้ายที่สุด ในรอบไฟนอลจะมีผู้ชนะเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น ที่สามารถฝ่าฟันอุปสรรคทั้งปวงด้วยฝีไม้ลายมือที่โดดเด่นกว่าใครรับตำแหน่ง Thailand’s Drag Superstar คนแรกของเมืองไทยไปครอบครอง

รายการ Drag Race Thailand ซีซั่น 1 ออกอากาศทางไลน์ทีวี แอพพลิเคชั่น และเว็บไซต์ tv.line.me