ทุกฝีเข็ม ทุกเส้นไหม ทุกลมหายใจ ข้าขอสาปแช่งพวกมัน ผู้ใดที่ห่มผ้าไหมปักดิ้นทองผืนนี้ จะต้องชดใช้สิ่งที่มันได้ทำไว้จนสาสม… คำสาปแช่งที่ดังกึกก้องอยู่ในละครสุดหลอนยอดฮิตติดใจแฟน ๆ ช่อง 3 อย่าง “สาปภูษา” ผลงานของ บริษัท บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น จำกัด ซึ่งกำกับการแสดงโดย “โชติรัตน์ รักเริ่มวงษ์” และได้คว้าสุดยอดนักแสดงหญิงมากฝีมืออย่าง “ธัญญ่า-ธัญญาเรศ เองตระกูล” มารับบทบาทสำคัญของเรื่องคือ “เจ้าสีเกด” หรือ “ผีเจ้าสีเกด” หญิงสาวผู้ที่มีความอ่อนหวาน แต่ชีวิตของเธอกับได้พบเจอมรสุมชีวิตมากมาย และหนึ่งในเรื่องมรสุมที่เธอพบเจอก็คือการได้ปล่อยตัวปล่อยใจไปรักกับ “ชายทัด” ที่รับบทโดย “ชาย-ชาตโยดม หิรัญยัษฐิติ” และความรักครั้งนี้ของเจ้าสีเกดก็ได้ทำให้หัวใจของเธอนั้นเต็มไปด้วยความอาฆาตพยาบาทที่พร้อมจะตามแก้แค้นไปทุกภพทุกชาติ บอกเลยว่าทั้งกระแสละครและความหลอนของตัวละคร “ผีเจ้าสีเกด” มาแรงมากในปีที่ละครออกอากาศ 2552 จนทำให้ “ธัญญ่า-ธัญญาเรศ” ได้รับคำชื่นชมจากแฟน ๆ มากมายในเรื่องของฝีมือด้านการแสดงของเธอ นอกจากนี้ยังมีนักแสดงที่มาเพิ่มพูนความเข้มข้นให้กับละครเรื่องนี้ อาทิ น้ำผึ้ง-ณัฐริกา เอ๊ะ-อิศริยา อั๋น-วิทยา และอ๋อม-สกาวใจ เรียกได้ว่าฝีมือการแสดงของแต่ละคนไม่ธรรมดาและจัดเต็มทุกตอน จึงทำให้ช่อง 3 ได้นำละคร “สาปภูษา” มาออกอากาศอีกครั้ง เพื่อให้แฟน ๆ ที่เคยดูได้หายคิดถึงละครสุดหลอนเรื่องนี้
“สาปภูษา” ได้ประพันธ์โดย พงศกร และบทโทรทัศน์โดย ฐา-นวดี สถิตยุทธการ ซึ่งเรื่องราวได้เริ่มต้นขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5-7 ได้มีเจ้าสาวสามคน ซึ่งอยู่คนละยุคสมัย ได้ฆ่าตัวตายอย่างปริศนาคือ หญิงฉาย หญิงจันทร์จรัสเลขา และหม่อมอารีย์ (น้ำผึ้ง ณัฐริกา) ที่ได้เข้าพิธีแต่งงานกับชายหนุ่มสามคนซึ่งอยู่คนละยุคสมัยเช่นเดียวกันคือ ชายทัด ท่านชายใหญ่ และท่านชายนพ (ชาย-ชาตโยดม) ทุกคนเชื่อว่าสาเหตุมาจากผ้าห่มไหมที่เจ้าสาวใส่เข้าพิธี เพราะทุกคนมีอันเป็นไปเหมือน ๆ กัน ดังนั้นเสด็จในกรมฯ จึงให้รตานางในสมัยนั้นนำไปเก็บไว้เพื่อไม่ให้ใครสังเวยชีวิตให้กับอาถรรพณ์นั้นอีก ผีสีเกดยืนมองด้วยแววตาสะใจ ส่งเสียงสาปแช่งข้ามภพข้ามชาติไปถึงผู้ที่เคยทำร้ายเธอเอาไว้ จนมาถึงในยุคปัจจุบันได้มีคนนำผ้าห่มไหมปักดิ้นทองผืนนั้นพาผีสีเกดมาตามแก้แค้นผู้ที่เคยทำร้ายเธออีกครั้ง…
ใครอยากจะหวนนึกถึงเรื่องราวความเข้มข้นของ ละคร “สาปภูษา” ก็สามารถติดตามได้ในช่วงละครดังข้ามเวลา ทุกเช้าวันจันทร์–ศุกร์ เวลา 08.25 – 10.05 น. ทางช่อง 3 กด 33 หรือติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ CH3Thailand และแอพพลิเคชั่น CH3 Plus
เรื่องย่อละคร เรื่อง “สาปภูษา”

เสียงสาปแช่งของเจ้าสีเกด ดังก้องตลอดเวลาเมื่อฝีเข็มปักลงบนผ้าไหม เวลานั้นชีวิตของเธอได้จากไปแล้วแต่ยังคงมีความอาฆาตแค้นไปถึงผู้ที่เกี่ยวข้องกับการตรอมใจตายของเธอไม่มีวันคลาย
ในสมัยรัชกาลที่ 5-7 เจ้าสาวสามคนได้ฆ่าตัวตายอย่างปริศนาตั้งแต่หญิงฉาย เข้าพิธีแต่งงานกับชายทัด จากนั้นก็วิ่งออกไปโดดน้ำตาย ถัดมาอีกสมัยหญิงจันทร์จรัสเลขา แต่งงานกับท่านชายใหญ่ เธอก็เหมือนถูกใครบังคับให้ผูกคอตายคาห้องนอน ถัดมาอีกยุคหม่อมอารีย์ และท่านชายนพ ได้แต่งงานกัน ขณะทำพิธีเธอก็วิ่งไปกระโดดหน้าต่างตาย งานแต่งกลายเป็นงานศพ ทุกคนเชื่อว่าสาเหตุมาจากผ้าห่มไหมที่เจ้าสาวใส่เข้าพิธีเพราะทุกคนมีอันเป็นไปเหมือน ๆ กัน ดังนั้นเสด็จในกรมฯ จึงให้รตา นางในสมัยนั้นนำไปเก็บไว้เพื่อไม่ให้ใครสังเวยชีวิตให้กับ อาถรรพณ์นั้นอีก ผีสีเกดยืนมองด้วยแววตาสะใจ ส่งเสียงสาปแช่งข้ามภพข้ามชาติไปถึงผู้ที่เคยทำร้ายเธอเอาไว้
ยุคปัจจุบัน…ปรีชญา เจ้าของร้านผ้าไหมตาดทองคู่หมั้นของทาวิธ ตำรวจหนุ่มผู้มีใบหน้าคล้ายชายทัด , ชายใหญ่และชายนพ ได้รับไหมพิม ที่เรียนจบทางด้านพัสตราภรณ์เข้ามาทำงานที่ร้าน ทาวิธได้ข่าวก็ดีใจเพราะแอบชอบไหมพิมอยู่เหมือนกันจึงแอบส่งดอกไม้มาแสดงความยินดี วันแรกที่ไหมพิมมาทำงาน นุช ลูกจ้างในร้านรีบกลับบ้านทิ้งให้ไหมพิมอยู่เฝ้าร้านคนเดียว จู่ ๆ ก็มีชายขี้เมาหอบถุงผ้าเก่า ๆ เข้ามาในร้านบอกว่าต้องการขายผ้าไหมให้ ไหมพิมปฏิเสธว่าเธอไม่ใช่เจ้าของร้าน แต่ชายคนนั้นไม่สนใจจะตบตีเธอจึงถูกพชร มาขวางเอาไว้ ชายขี้เมาเผ่นหนีออกไปจากร้านโดยทิ้งห่อผ้าเอาไว้ ไหมพิมเห็นพชรได้รับบาดเจ็บจึงทำแผลให้แต่ถูกมณีกัญญา เข้ามาโวยวาย มณีกัญญาเป็นน้องสาวของพชรและเป็นลูกพี่ลูกน้องกับปรีชญา
ในห่อผ้ามีผ้าห่มไหมปักดิ้นทองอยู่ข้างใน พชรจะไปแจ้งความเพื่อหาเจ้าของแต่มณีกัญญาไม่ยอมเพราะชอบผ้าไหมผืนนั้นมาก เธอให้ไหมพิมเอาผ้าไปเก็บไว้ในตู้หลังร้าน สีเกดมองทุกคนด้วยความสะใจไม่คิดว่าชายขี้เมาจะพาเธอมาพบกับเจ้ากรรมนายเวรเมื่อชาติอดีตอีกครั้ง สีเกดหัวเราะเบา ๆ แต่ไหมพิมได้ยินขณะที่คนอื่นไม่รู้สึกอะไร สีเกดแปลกใจที่ไหมพิมได้ยินเสียงของตน
คืนนั้นไหมพิมผล็อยหลับและเกิดความฝัน ในฝันเธอเห็นสีเกดนั่งปักผ้าไหมอยู่จึงเข้าไปนั่งคุยด้วย สีเกดขอร้องให้ไหมพิมช่วย หญิงสาวตกใจกับน้ำเสียงของสีเกด มองไปรอบ ๆ ด้วยความหวาดกลัว ได้ยินเสียงสาปแช่งดังขึ้น ๆ จนสะดุ้งตื่นขึ้นมา ทำให้เห็นชายขี้เมากำลังเลื่อยเหล็กดัดหน้าต่างเข้ามาในบ้าน ด้วยความตกใจหญิงสาววิ่งหนีออกมาชนกับพชรที่ตามมาดูความปลอดภัย ไหมพิมตกใจจนหมดสติไป พชรจึงรีบพาเธอส่งโรงพยาบาล
พชรเห็นว่าชายขี้เมาต้องการผ้าของเขาคืนจึงคิดจะส่งให้ตำรวจแต่มณีกัญญาไม่ยอมจึงเปลี่ยนที่เก็บใหม่ สีเกดยืนดูมณีกัญญาด้วยแววตาเคียดแค้นเพราะในอดีตชาติมณีกัญญาคือหญิงโฉม พี่สาวของหญิงฉาย ที่เป็นคู่ปรับของสีเกดนั่นเอง
ไหมพิมนอนอยู่โรงพยาบาลเธอฝันเห็นเจ้าจักรา พ่อของสีเกดถูกประหารชีวิตข้อหากบฏ เจ้าติสสะ เจ้านครเมืองลาวปู่ของสีเกดขอร้องเสด็จในกรมฯ ไว้ชีวิตลูกชายแต่ก็ไม่เป็นผล นับจากนั้นมาสีเกดก็ถูกหญิงโฉมหาเรื่องดุด่าว่าเธอเป็นลูกหลานกบฏและคอยหาเรื่องโดยมีผิว บ่าวคนสนิทของสีเกดคอยปกป้องตลอดเวลา
มณีกัญญาไม่ไว้ใจกลัวผ้าไหมจะหายไปจึงนำไปเก็บไว้ที่บ้าน ยายรตาเห็นเข้าถึงกับตกใจเพราะจำผ้าอาถรรพณ์ผืนนั้นได้ รีบน้ำผ้าออกมาจะเผาทิ้งแต่มณีกัญญาห้ามเอาไว้และนำผ้าไปฝากไว้กับปรีชญาบอกว่าขายได้เมื่อไหร่ถึงจะมาเอาไป พอพูดจบลมก็พัดเข้ามาในห้องอย่างแรง ไฟในบ้านดับ เล่นเอาทุกคนพากันตกใจ
ไหมพิมออกจากโรงพยาบาลพชรจึงพามาพักอยู่กับปรีชญาเพื่อความปลอดภัย สีเกดไม่พอใจที่มณีกัญญาคิดจะขายผ้าไหมของเธอ จึงสิงร่างไหมพิมเพื่อให้เธอบอกมณีกัญญาว่าห้ามขายผ้า มณีกัญญาคิดว่าไหมพิมออกคำสั่งจึงโผเข้าตบตีด้วยความแค้นใจ ไหมพิมที่ถูกสิงร่างอยู่ฮึดสู้จนมณีกัญญาเซถลา พชรกับปรีชญาได้ยินเสียงโครมครามรีบเข้ามาดู สีเกดตกใจรีบออกจากร่างไหมพิมทำให้เธอหมดสติไป ปรีชญานำผ้าเจ้าปัญหาไปเก็บไว้ที่ห้อง นั่งมองดูผ้าด้วยความชื่นชม สีเกดยืนมองปรีชญาด้วยสายตาชิงชัง คิดไปถึงเรื่องในอดีตตอนที่เธอถูกหญิงโฉมทำร้ายและหญิงฉายเข้ามาช่วย สร้างความแค้นใจให้หญิงโฉมมาก วันนั้นหญิงโฉมจึงให้บ่าวไปหลอกสีเกดมาพบและหาเรื่องจับเธอโยนลงไปในสระบัวจนเกือบจมน้ำตาย โชคดีที่หญิงฉายมาช่วยเอาไว้ได้ หญิงฉายาขอร้องไม่ให้สีเกดเอาผิดพี่สาว สีเกดจำใจไม่เอาผิดเพื่อเห็นแก่หญิงฉายที่ช่วยตน ชายลึกลับดักเล่นงานไหมพิมเพื่อขอผ้าไหมคืน พชรมาช่วยเอาไว้จึงถูกทำร้ายบาดเจ็บ ทางด้านทาวิธ เขาขับรถมาส่งปรีชญาที่บ้านทำท่าจะก้มลงจูบหญิงสาว จู่ ๆ ประตูบ้านก็ปิดปึงปังเหมือนคนโกรธแค้น ปรีชญาได้สติไล่ทาวิธกลับไป ทาวิธขับรถออกมาจากบ้านเห็นหญิงสาวคนหนึ่งนั่งอยู่เบาะหลังยิ้มให้ เขาตกใจเพ่งมองดี ๆ ก็ไม่เห็นมีอะไร ขับรถมาจอดที่ปั๊มน้ำมันเห็นโจรกำลังปล้นมินิมาร์ทอยู่จึงเข้าไปช่วย แต่จู่ ๆ ตัวเขาก็ถูกแรงผลักให้โผล่ออกไปกลางแจ้ง ทำให้ถูกคนร้ายยิงเข้าที่ขาเป็นเหตุให้เขาเดินไม่ได้ การกระทำนี้คือฝีมือของผีสีเกดนั่นเอง

พชรได้รับการทาบทามจากแทนไท และภุมรี สองสามีภรรยาเจ้าของสายการบินผู้หลงใหลผ้าไหมกำลังจะเปิดพิพิธภัณฑ์ผ้าโบราณจึงให้พชรมาช่วยงาน ชายหนุ่มจึงให้ไหมพิมมาเป็นที่ปรึกษา แทนไทมีลางสังหรณ์และสัมผัสที่หกที่แม่นยำ ได้เตือนพชรให้ระวังตัวเกี่ยวกับอุบัติเหตุหลายครั้ง ทุกคนก็เป็นไปตามคำพูดแทนไท ทำให้พชรรู้สึกแปลกใจว่าแทนไทรู้ล่วงหน้าได้อย่างไรว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตน
ทาวิธเครียดกับการที่ตัวเองเดินไม่ได้จนปรีชญาเข้าหน้าไม่ติดจึงให้ไหมพิมเข้าไปดูแล ทาวิธโผกอดเธอ มณีกัญญาเห็นเช่นนั้นก็ไม่พอใจลากไหมพิมไปต่อว่าอย่างหึงหวงแทนปรีชญา ภาติยะ ตำรวจรุ่นน้องของทาวิธมาดูแลคดีชายลึกลับแอบชอบไหมพิมอยู่จึงแวะมาหาเธอที่ร้านบ่อย ๆ และฉวยโอกาสแต๊ะอั๋งเธอเป็นบางครั้ง ทำให้พชรไม่ค่อยพอใจ ยายรณี ยายของปรีชญาเป็นห่วงทาวิธที่อยู่คอนโดฯ จึงให้มาอาศัยอยู่ที่บ้าน เมื่อมณีกัญญารู้ก็ไม่พอใจเพราะกลัวทาวิธปันใจให้ไหมพิม ขณะที่ไหมพิมรู้สึกไม่สบายใจเพราะรู้ว่าทาวิธชอบแต๊ะอั๋งตน สีเกดมองมณีกัญญาด้วยความชิงชัง คิดถึงเรื่องในอดีตกับความริษยาของหญิงโฉมแล้วทำให้นึกโกรธขึ้นมา อีกเพราะไม่ว่าชาตินี้หรือชาติไหนหญิงโฉมหรือมณีกัญญาก็ยังมีนิสัยเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ในอดีตสีเกดได้เจอกับชายทัดตอนที่เธอเกือบถูกรถชน จากนั้นชายทัดก็แวะเวียนมาหาสีเกดบ่อย ๆ จนกลายเนคนรักกัน หญิงทิพย์ น้องสาวของชายทัดให้สีเกดไปสอนปักผ้าที่เรือนยิ่งทำให้ชายทัดกับสีเกดได้เจอกันบ่อย ๆ และแอบได้เสียกันจนกลายเป็นข่าวออกมาว่าสีเกดกับชายทัดจะแต่งงานกัน หญิงโฉมได้ยินข่าวลือนี้ยิ่งเกลียดสีเกดมากขึ้นเลยหาโอกาสเป่าหูหม่อมสร้อย แม่ชายทัดว่าลูกชายกำลังไปหลงลูกสาวกบฏ หม่อมสร้อยรู้ดังนั้นก็หาทางขัดขวางและคิดหาผู้หญิงฐานะทัดเทียมกันมาเป็นคู่ พระพุทธเจ้าหลวงปล่อยทาสเป็นอิสระแล้วแต่หม่อมแสง ยังยึดติดกับการควบคุมคนจึงไม่ยอมปลดปล่อย ทำให้ทาสรวมตัวกันไปฟ้องหญิงฉายผู้ซึ่งมีความรู้เรื่องกฎหมาย ทำให้หญิงฉายกับหม่อมแสงมีเรื่องกัน ชายทัดซึ่งเป็นตำรวจหลวงเวลานั้นได้เข้ามาช่วยเหลือ ชายทัดกับหญิงฉายจึงได้รู้จักกันและเกิดถูกชะตาซึ่งกันและกัน พอหม่อมสร้อยรู้ก็ให้บ่าวปล่อยข่าวว่าจะไปสู่ขอหญิงฉายลูกสาวเจ้าคุณกลาโหม ให้มาแต่งงานกับชายทัด เรื่องราวทั้งหมดนี้สีเกดได้เล่าให้ไหมพิมฟังขณะที่เธอตกอยู่ในความฝันและเมื่อทาวิธมาอยู่บ้านเดียวกับไหมพิม
พชรกับไหมพิมต้องทำงานร่วมกัน ทั้งสองนั่งรถมาที่บ้านเพื่อเอาหนังสือเกี่ยวกับผ้าไหม ทาวิธเห็นก็เกิดหึงหวงคิดว่าไหมพิมคบกับพชรเพื่อบังหน้าไม่ให้ปรีชญาสงสัยเรื่องระหว่างเขากับเธอ ไหมพิมงง ๆ ไม่รู้ว่าทาวิธพูดถึงเรื่องอะไรแลกะทำไมเขาจึงจับเนื้อต้องตัวเธอราวกับเป็นเจ้าของ ทาวิธเครียดกับการทำกายภาพบำบัด ยายรณีนึกเห็นใจจึงให้ปรีชญาพาทาวิธไปพักผ่อนที่เชียงใหม่ มณีกัญญารู้เข้าก็ขอตามไปด้วยโดยอ้างว่าจะขึ้นไปดูผ้าทางเหลือมาเข้าร้าน ปรีชญาตั้งใจจะไปหลังวันเกิดของทาวิธ มณีกัญญาเห็นด้วยและอาสาจะจัดงานวันเกิดของทาวิธให้ด้วยตัวเธอเอง ในงานวันเกิดของทาวิธมณีกัญญาเจ้ากี้เจ้าการราวกับเป็นแฟนของเจ้าของงานจนธง กับมะลิ พากันซุบซิบนินทาระหว่างงาน มณีกัญญาก็ถูกผีสีเกดเล่นงานแต่เจ้าตัวคิดว่าเป็นฝีมือของไหมพิม ทำท่าจะตบตีจู่ ๆ ก็เกิดลมกรรโชกแรง ประตูปิดปึงปัง ไฟดับพรึ่บลง ยายรณีเดินไปเปิดหน้าต่างแต่แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นสีเกดยืนมองอยู่นอกกระจก แววตาแดงวาบ ยายรณีตกใจถึงกับเป็นลมหมดสติไป ปรีชญานึกเป็นห่วงที่เห็นยายรณีไม่ค่อยสบายจนแทบไม่อยากไปพักผ่อนที่เชียงใหม่ ยายรณีตัดปัญหาด้วยการให้พชรมานอนค้างที่บ้านเป็นเพื่อนยายและไหมพิม ทำให้ปรีชญาและคณะเดินทางไปเชียงใหม่ตามแผนเดิม แต่ในใจของทาวิธนั้นไม่ค่อยพอใจนัก เขาไม่เห็นด้วยที่ให้พชรมาอยู่ใกล้ ๆ ไหมพิมแต่ก็ไม่กล้ามีปากเสียง
คืนนั้นทาวิธถึงกับตื่นเต้นดีใจเมื่อเห็นไหมพิมมาเคาะประตูเรียกและพาเขาไปที่ห้องรับแขก ไหมพิมถูกผีสีเกดเข้าสิง เธอยั่วยวนทาวิธจนชายหนุ่มอดใจไม่ไหวดึงไหมพิมมากอดจูบ พชรได้ยินเสียงดังนอกห้องจึงลุกออกมาดู สิ่งที่เขาเห็นในห้องรับแขกทำให้พชรถึงกับโมโหกระชากไหมพิมออกไปอย่างแรงจนร่างสีเกดกระเด็นออกจากร่าง พชรกับทาวิธทะเลาะกันเรื่องนี้แต่ทาวิธไม่รู้สึกผิดใด ๆ กระทั่งปรีชญาลงมาที่ห้องรับแขก ทั้งสองหาเรื่องกลบเกลื่อนไม่ให้ปรีชญาสงสัย พชรรู้สึกผิดหวังในตัวไหมพิมมาก เขาทำตัวห่างเหินจนไหมพิมแปลกใจว่าพชรเป็นอะไรไป
ไหมพิมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนนี้ เธอถามพชรว่าเกิดอะไรขึ้นหรือ พชรจึงทบทวนความทรงจำระหว่างเธอกับทาวิธให้ดูด้วยการดึงเธอมาจูบ ไหมพิมตกใจมากตบหน้าพชะรอย่างแรงก่อนวิ่งหนีออกไปหน้าบ้าน ภาติยะมาหาไหมพิมพอดีจึงช่วยปลอบใจแบบปากว่ามือถึง พชรมองไหมพิมอย่างผิดหวัง ทาวิธถึงเชียงใหม่แล้วก็รีบโทรฯ มาหาไหมพิมด้วยความคิดถึง ไหมพิมไม่ยอมคุยกับทาวิธเพราะไม่อยากให้ปรีชญาเสียใจแต่ทาวิธกลับคิดว่าไหมพิมกำลังน้อยใจตนอยู่ พชรได้ยินไหมพิมโทรศัพท์ออดอ้อนคุยอยู่กับทาวิธ ด้วยความหึงหวงและไม่พอใจตรงเข้ากระชากร่างไหมพิมอย่างแรงทำให้สีเกดที่สิงร่างอยู่กระเด็นหลุดออกไป พชรต่อว่าไหมพิมอย่างรุนแรงที่ไปยั่วทาวิธทั้งที่ปากบอกว่าไม่ได้คิดอะไรกับเขา ไหมพิมพยายามปฏิเสธว่าไม่รู้เรื่อง แต่เขาก็ไม่เชื่อเพราะมีเบอร์ของทาวิธที่เธอโทรฯ ไปหาโชว์อยู่ในมือถือ
สีเกดไม่พอใจที่ทาวิธกับปรีชญาไปพักค้างอยู่ที่เชียงใหม่ เธอจึงพยายามสร้างเรื่องให้วุ่นวายที่บ้านด้วยการเข้าสิงร่างไหมพิมและนำมีดไปปักไว้หน้าบ้าน ธงกับมะลิเห็นเข้าก็ตื่นตกใจรีบไปบอกให้พชรรู้ เจตนาของสีเกดเพื่อต้องการให้ปรีชญารู้จะได้รีบกลับกรุงเทพฯ แต่ยายรณียังไม่อยากให้หลานสาวกลับจึงไม่ให้พชรบอกปรีชญา เรื่องนี้สีเกดแค้นใจมากพยายามหาทางทำเรื่องเพื่อเรียกตัวทาวิธกลับมาให้ได้ พชรนอนคิดงานอยู่บนที่นอนด้วยความเพลิดเพลิน แทนไทโทรฯ มาหาเพราะรู้สึกสังหรณ์ใจว่าชายหนุ่มจะได้รับอุบัติเหตุ จึงโทรฯ มาเตือนให้เขาระวังตัว ช่วงจังหวะที่พชรพลิกตัวนอนหงายเพื่อคุยโทรศัพท์จู่ ๆ รูปที่ติดอยู่ข้างฝาก็หล่นใส่จนได้รับบาดเจ็บ เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ปรีชญาและทาวิธรีบเดินทางกลับกรุงเทพฯ ทันทีที่รู้ข่าว สีเกดรู้สึกสมใจที่ทำให้ทาวิธกลับมาได้

เมื่อกลับมากรุงเทพฯ ปรีชญาและทาวิธก็ได้ข่าวเรื่องมีคนเอามีดมาปักไว้หน้าบ้านโดยมีภาติยะเป็นคนทำคดีนี้ ทาวิธสังเกตเห็นภาติยะที่มองไหมพิมด้วยสายตาชื่นชมก็พอรู้ว่ารุ่นน้องคิดจีบไหมพิม จึงสั่งห้ามไม่ให้เขายุ่งเกี่ยวกับหญิงสาว ภาติยะไม่สนใจคำสั่งเพราะเขาก็ดูออกว่าทา วิธชอบไหมพิมเช่นกัน แทนไทและภุมรีมาหาพชรที่บ้านด้วยความเป็นห่วง มณีกัญญาได้เจอกับภุมรีเป็นครั้งแรกรู้ว่าอีกฝ่ายสนใจเรื่องผ้าไหมจึงคิดจะนำผ้าไหมตาดทองมาขายให้ภุมรี วันถัดมามณีกัญญาจึงมาขอถ่ายรูปผ้าไหมเพื่อนำไปให้ภุมรีดูและเผลอหลุดปากออกไปให้ปรีชญาได้ยิน ปรีชญาไม่พอใจและไม่เห็นด้วยที่จะขายผ้าผืนนี้ไป ขณะที่มณีกัญญาขับรถออกจากบ้านมาธงเห็นสีเกดยืนมองตามรถมณีกัญญาไปด้วยแววตาชิงชัง ธงถึงกับตกใจร้องลั่น คืนนั้นมณีกัญญาถูกสีเกดหลอกหลอนบอกว่าไม่ให้ขายผ้าไหมผืนนั้นไป แต่พอเธอตื่นมาตอนเช้าก็เห็นตัวเองฟุบหลับอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ หญิงสาวจึงคิดว่าคงฝันไปเอง ทาวิธถูกภาติยะกลั่นแกล้ง เจ้านายจึงสั่งพักงานเพราะความที่เดินไม่ถนัด ทาวิธรู้สึกเครียดมากกับเรื่องนี้ ปรีชญาคอยปลอบใจก็ไม่เป็นผล สีเกดสิงร่างไหมพิมเข้าไปปลอบทาวิธในห้อง ท่าทีฉุนโกรธของเขากลายเป็นอ่อนโยนลงทันที ไหมพิมนัดแนะให้ทาวิธออกไปเจอกันข้างนอก ทาวิธยิ้มพอใจคิดว่าไหมพิมมีใจให้ตน สีเกดมองทาวิธด้วยความชิงชังคิดไปถึงเรื่องในอดีตที่เธอกับชายทัดแอบพลอดรักและได้เสียกันที่เรือนรับรองในบ้านของชายทัด คืนนั้นทาวิธโกหกปรีชญาอ้างว่าไปบ้านเพื่อนแต่กลับไปพบกับไหมพิมที่ถูกสีเกดสิงร่างที่โรงแรม ทาวิธพูดคุยกับไหมพิมอย่างสนิทสนมแต่คนแถวนั้นกลับมองเห็นทาวิธพูดคุยอยู่คนเดียว ทาวิธชวนไหมพิมไปต่อในห้องนอน ไหมพิมจึงยื่นข้อเสนอว่าเธอจะยอมเขาทุกอย่างแต่ขอให้เขาเลิกกับปรีชญาเสียก่อน ทาวิธทำเช่นนั้นไม่ได้ทำให้สีเกดในร่างไหมพิมไม่พอใจลุกเดินหนีไป ทาวิธกลับบ้านมาด้วยอารมณ์หงุดหงิดที่ตามหาไหมพิมไม่พบ พอถูกปรีชญาคาดคั้นถามว่าเขาไปไหนมาทาวิธยิ่งโกรธจึงพลั้งปากไปว่าเขาแค่พิการก็พอทนแล้วเธออย่างเห็นเขาเป็นคนปัญญาอ่อนหน่อยเลย ปรีชญาถูกทาวิธตะคอกใส่ด้วยความโมโหทำให้เธอน้อยใจน้ำตาไหลออกมา มณีกัญญาเอารูปถ่ายผ้าตาดทองไปให้ภุมรีดู ปรากฏว่าภาพเลอะเทอะจนมองไม่เห็นลายผ้า มณีกัญญานึกแปลกใจว่าเป็นเช่นนั้นได้อย่างไรจึงกลับมาถ่ายภาพใหม่อีกครั้งโดยให้ธงขึ้นไปเอาผ้าบนห้อง ธงถูกผีสีเกดหลอกจนวิ่งเตลิดออกไป ไหมพิมได้ยินเสียงร้องจึงเดินไปดูทำให้ถูกสีเกดเข้าสิง มณีกัญญาขึ้นมาบนห้องเห็นไหมพิมยืนถือผ้าไหมอยู่ก็เกิดหวงรีบเข้าไปหาจะแย่งคืนมา เลยถูกไหมพิมตบหน้าอย่างแรง มณีกัญญาโกรธมากจึงตรงเข้าเล่นงานไหมพิม เป็นจังหวะที่พชรและปรีชญามาเห็น ข้อมือพชรผูกสายสิญจน์จน์ของแทนไทอยู่เมื่อต้องตัวไหมพิมวิญญาณของสีเกดจึงหลุดออกจากร่าง ไหมพิมทำหน้างงว่าเกิดอะไรขึ้น มณีกัญญาเห็นแล้วหมั่นไส้ทำท่าจะตบตีไหมพิมอีก พชรกับปรีชญาต้องช่วยกันห้ามไว้
ไหมพิมเสียใจที่เป็นต้นเหตุทำให้พชรกับมณีกัญญาทะเลาะกันจึงตัดสินใจกลับไปอยู่ที่บ้านเหมือนเดิม ทาวิธกับปรีชญามึนตึง ยายรณีจึงให้หลานสาวมาปรับความเข้าใจกับทาวิธจนทั้งสองกลับมาคืนดีกันเหมือนเดิม สีเกดเห็นเช่นนั้นก็ไม่พอใจนึกไปถึงเรื่องราวในอดีตที่เธอกับชายทัดแอบได้เสียกันและถูกหญิงโฉมจับได้ พอชายทัดรู้ก็ห้ามไม่ให้หญิงโฉมไปบอกหญิงฉายและให้ร้ายว่าสีเกดให้ท่าเขาก่อน หญิงโฉมเชื่อสนิท แต่ถึงกระนั้นหญิงฉายก็จับได้ว่าชายทัดกับสีเกดแอบได้เสียกันจึงปฏิเสธที่จะแต่งงานกับชายทัด ชายทัดคิดว่าหญิงฉายเล่นตัว เขาพยายามจะชนะใจหญิงฉายให้ได้จนไม่ได้ไปหาสีเกดอีกเลย
ภาติยะตรวจสอบมีดที่ปักอยู่หน้าบ้านปรีชญาพบว่าเป็นลายนิ้วมือของไหมพิม ไหมพิมถึงกับตกใจปฏิเสธลั่นว่าเธอไม่ได้ทำและจะทำไปเพื่ออะไร พชรเองก็แปลกใจว่าไหมพิมทำไมต้องทำเช่นนี้ แต่เมื่อพูดคุยกันมีแต่ทะเลาะกันด้วยความไม่เข้าใจ พชรพยายามเข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับไหมพิมแต่เรื่องที่เขาอ่อยให้ทาวิธเขาไม่เข้าใจว่าไหมพิมทำไปเพื่ออะไร เพื่อความบริสุทธิ์ใจไหมพิมจึงพาพชรไปพบกับทาวิธที่นัดเจอกันในร้านอาหารและบอกให้เขารู้ต่อหน้าพชรว่าเธอไม่ได้คิดอะไรกับทาวิธแม้แต่น้อย ทาวิธคิดว่าไหมพิมทำไปเพื่อปกป้องตนเองจึงเยาะเย้ยพชรว่าไหมพิมสนใจเขา พชรหมั่นไส้เลยชกหน้าทาวิธจนล้มลงไปกอง ไหมพิมลาออกจากงานที่ร้านผ้าไหม สีเกดพยายามบังคับให้ไหมพิมกลับไปเพื่อจะได้เข้าสิงและยั่วทาวิธให้ผิดใจกับปรีชญาให้ได้ แต่ก็ไม่สำเร็จเพราะไหมพิมใส่สายสิญจน์เอาไว้ ภมรีอยากได้ผ้าไหมผืนหนึ่งจึงให้พชรพาไหมพิมไปดูและขอซื้อมา พชรจึงมาขอร้องให้ไหมพิมช่วย ทั้งสองต้องเดินทางไปดูผ้าไหมที่ต่างจังหวัด ระหว่างเดินทางทั้งสองมีโอกาสได้คุยและปรับความเข้าใจกัน

ไม่มีไหมพิม สีเกดจึงใช้พลังจิตให้คัตเตอร์บาดขามณีกัญญาจนเกิดความปั่นป่วนไปทั้งบ้าน เธอมองเหตุการณ์นั้นด้วยความสะใจแต่ก็ยังไม่เท่ากับเรื่องราวในอดีตที่หญิงโฉมกีดกันไม่ให้ชายทัดมาพบเธอจนนอนตรอมใจอยู่กับบ้าน ผิวจึงไปตามชายทัดให้มาดู ชายทัดให้ยาสีเกดไว้กินแต่พอหญิงโฉมรู้ก็พาจวง บ่าวคนสนิทไปหาเรื่องและทำลายยาเสียหาย คิดถึงตรงนี้แล้วสีเกดยิ่งแค้นใจ ค่อนรุ่งเธอจึงไปเข้าฝันไหมพิมเพื่อให้เธอกลับมาทำงานที่ร้านต่อ งานที่ร้านผ้าไหมมีปัญหา ปรีชญาจะเรียกไหมพิมมาทำงานแต่มณีกัญญาไม่ยอม พชรแก้ปัญหาด้วยการรับไหมพิมมาทำงานกับเขาและให้ทาวิธจัดงานแต่งงานกับปรีชญาให้เร็วที่สุด ทาวิธรู้ว่าพชรกันเขาออกห่างไหมพิมแต่ก็ยอมรับปากเพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย ปรีชญาไม่ได้นึกดีใจเพราะยังไม่อยากแต่งงานเท่าไหร่นัก ไหมพิมมาช่วยงานพชรที่ออฟฟิศเพราะภุมรีต้องการขยายงานห้องเก็บผ้าไหมทำเป็นพิพิธภัณฑ์ผ้าเสร็จจากที่ออฟฟิศ เธอก็ต้องไปช่วยปรีชญาดูงานที่ร้าน สีเกดพอใจมากที่ไหมพิมได้กลับมาทำงานที่ร้านอีกครั้ง มณีกัญญาทำเป็นไม่สนใจเรื่องไหมพิม แต่พอได้โอกาสก็หาเรื่องแกล้งจนสีเกดทนไม่ไหว จะเข้าสิงร่างแต่ก็สิงไม่ได้เพราะเธอยังใส่สายสิญจน์อยู่ สีเกดส่งข้อความไปหาทาวิธนัดแนะให้เขาไปพบที่ร้านอาหารค่ำนั้นโดยใช้ชื่อไหมพิม ทาวิธไปพบกับไหมพิมด้วยความกระหยิ่มใจโดยสวมสร้อยพระไปด้วย พอสีเกดเห็นเธอก็ไม่กล้าออกมาพบหน้า ทาวิธไม่ได้พบกับไหมพิมก็นึกโกรธคิดว่าหญิงสาวกำลังปั่นหัวเขาเล่นจึงโทรฯ ไปต่อว่า ไหมพิมอยู่ที่ห้องรู้สึกแปลกใจและสับสนกับเรื่องแปลก ๆ ที่เกิดขึ้นกับตนเอง
ไหมพิมรู้สึกเศร้าทุกครั้งเมื่อสีเกดรู้สึกเจ็บปวด ความรู้สึกเธอเหมือนเป็นส่วนหนึ่งในความรู้สึกของสีเกด สีเกดนึกไปถึงเหตุการณ์ในอดีตตอนที่เธอแกล้งป่วยเพื่อดึงชายทัดมาหาและหญิงฉายตามมาพบ วันนั้นเจ้าติสสะก็ได้รู้ความจริงว่าชายทัดแอบได้เสียกับหลานสาว เจ้าทั้งโกรธและเสียใจจนแทบจะฆ่าชายทัดตาย สีเกดกอดขาท่านปู่อ้อนวอนบอกว่าชายทัดรับปากจะแต่งงานกับเธอ และเธอจะกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมาให้ได้ เมื่อหญิงโฉมรู้ว่าชายทัดจะไปขอสีเกดแต่งงานจึงฟ้องหม่อมสร้อย หม่อมสร้อยจึงเร่งวันสู่ขอหญิงฉายมาเป็นสะใภ้ตัดหน้าสีเกดทันที มณีกัญญาไม่ชอบใจที่พชรรับไหมพิมมาทำงานด้วย เธอจึงตามไปหาเรื่องกลั่นแกล้งจนไหมพิม
ทนไม่ไหวต้องส่งข้อความไปขอลาออกกับพชร เวลานั้นไหมพิมรู้สึกเสียใจอย่างที่สุด สีเกดอาศัยช่วงที่ไหมพิมจิตใจอ่อนไหวสื่อสารกับเธอด้วยการพูดคุยกันเหมือนคนปกติ สีเกดพยายามสะกดจิตให้ไหมพิมถอดสายสิญจน์ออกแต่ถูกพชรมาขัดจังหวะเสียก่อน พชรมาขอโทษไหมพิมที่มณีกัญญาทำให้เธอหนักใจ ทั้งสองปรับความเข้าใจกันและสัญญาจะเป็นกำลังใจให้กันและกันตลอดไป สีเกดไม่พอใจที่ไหมพิมรับรักพชร เธอต้องการให้ไหมพิมไปรักทาวิธเพื่อทำให้ปรีชญาต้องผิดหวัง ชายลึกลับคนนั้นแท้จริงคือสนั่น หลานเขยยายตลับ ยายตลับเคยขโมยผ้าออกมาจากวังหลวงและถูกสนั่นขโมยไปโดยฆ่ายายตลับและทิ้งศพไว้ในป่า ภาติยะมาทำคดีนี้และให้แก้วใจ หลานยายตลับมาดูผ้าเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของแต่กลับตกลงกับมณีกัญญาไม่ได้ ภาติยะจึงยึดผ้าผืนนั้นไว้เป็นของกลาง เย็นนั้นพชรพาไหมพิมมาทานข้าวที่บ้านปรีชญาและแนะนำให้ทุกคนรู้ว่าไหมพิมเป็นแฟนของเขา มณีกัญญานั่งฟังเฉย ๆ เหมือนไม่รู้สึกอะไร แต่พอมีโอกาสเธอก็หาเรื่องตบตีไหมพิมอย่างเคียดแค้น จังหวะที่ตบตีกันมณีกัญญาทำสายสิญจน์ของไหมพิมขาด สีเกดรอจังหวะอยู่แล้วรีบเข้าสิงไหมพิมทันทีและหันมาทำร้ายมณีกัญญาจนแทบจะขาดใจตาย หญิงสาวฟ้องว่าไหมพิมพยายามฆ่าตัวเองแต่ก็ไม่มีใครเชื่อ
สีเกดสะใจที่ทำให้มณีกัญญาเดือดร้อนได้ เธอคิดไปถึงอดีตตอนที่ชายทัดขอหญิงฉายแต่งงานและตัวเองขอร้องให้หญิงฉายเลิกล้มความคิดโดยอ้างว่าหญิงโฉมเคยทำร้ายเธอไว้มาก เพียงแค่หญิงฉายยกเลิกการแต่งงานก็ถือเป็นการช่วยเธอแล้ว ด้วยความใจอ่อนขี้สงสาร หญิงฉายยอมยกเลิกการแต่งงานกับชายทัด พอหญิงโฉมรู้ก็นึกเคืองสีเกด วางแผนกับพ่อแม่เล่นละครหลอกหญิงฉายว่าถ้าไม่แต่งกับชายทัดพ่อแม่จะต้องเดือดร้อน หญิงฉายรู้สึกหนักใจมากแต่สุดท้ายเธอก็เลือกที่จะแต่งงานกับชายทัดเหมือนเดิม สีเกดรู้เข้ายิ่งโกรธ สีเกดพยายามทำให้ไหมพิมซึมซับความโกรธแค้นของตนและเข้าสิงร่างเธออีกครั้ง จากนั้นก็ไปอ่อยเหยื่อภาติยะที่เก็บผ้าไหมไว้ที่โรงพักจนสามารถเอาผ้าไหมออกมาได้และใส่ผ้าไหมปลอมเอาไว้แทน แล้วนำมาซ่อนไว้ที่ห้องนอนของเธอโดยไม่มีใครรู้

ภาติยะถูกทาวิธเล่นงานจนเขาถูกนายตำหนิ ด้วยความโกรธจึงส่งคลิปที่ถ่ายเขากับไหมพิมเอาไว้ตอนไปเที่ยวด้วยกันให้ทาวิธดู ทาวิธเห็นแล้วโกรธไปหาไหมพิมที่ร้านและต่อว่าเธออย่างเสียหาย พชรมาที่ร้านก็พลอยโดนทาวิธด่าอย่างหยาบคายไปอีกคน ชายหนุ่มรู้สึกงุนงง ไหมพิมก็ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ขณะที่พชรกับไหมพิมกำลังนั่งทานข้าวกันอยู่ ทาวิธได้ส่งคลิปของภาติยะเข้ามือถือของพชร พชรเห็นภาพไหมพิมเต้นยั่วยวนอยู่ในคลิป เขาถึงกับอึ้งไป พชรโกรธและหึงหวงคิดว่าไหมพิมใช้เสน่ห์ยั่วผู้ชายไปทั่ว พอถามก็ทำเป็นใสซื่อไม่รู้เรื่อง คืนนั้นเขาจึงให้ไหมพิมเข้าโรงแรมหมายขืนใจ หญิงสาวตกใจวิ่งร้องไห้ออกมาหน้าโรงแรมจนเกือบถูกรถชนและเป็นลมหมดสติไป พชรรีบพาส่งโรงพยาบาล
ไหมพิมอยากรู้ว่าเธอเป็นโรคจิตหรือเปล่าจึงได้ยั่วผู้ชายไปทั่วทั้งที่ตัวเธอไม่รู้ตัวเลย เธอจึงให้พชรพาไปที่แผนกจิตเวช จากการตรวจหมอบอกว่าเธอเป็นโรคบุคลิกภาพแปลกแยก เป็นการสร้างตัวตนอีกคนหนึ่งขึ้นมาแล้วทำอะไรโดยไม่รู้ตัว ไหมพิมคิดว่าตัวเองเป็นโรคจิตไม่ใช่โดนผีหลอกเหมือนที่เธอฝันเห็นผีสีเกดอยู่ทุกคืน เมื่อกลับถึงบ้านสีเกดพยายามทำให้ไหมพิมเชื่อว่าผีมีจริง แต่ไหมพิมคิดว่าตัวเองแค่จินตนาการไปเอง สีเกดคิดถึงเรื่องของตัวเองที่ชายทัดขอให้เธอเป็นเมียรองต่อจากหญิงฉาย สีเกดรู้สึกโกรธแค้นจนเป็นลมไปต่อหน้าเจ้าติสสะ เจ้าติสสะให้หมอมาตรวจจึงได้รู้ว่าสีเกดกำลังตั้งท้องลูกของชายทัดอยู่ เจ้าติสสะลากสีเกดไปหาชายทัดที่เรือนของเสด็จในกรมฯ เพื่อให้เขารับผิดชอบ เสด็จฯ บอกว่าชายทัดจะรับสีเกดมาเป็นเมียรองแต่ขอให้งานแต่งผ่านพ้นไปเสียก่อน สีเกดไม่พอใจที่ตนจะต้องไปเป็นเมียรอง และในที่สุดก็จะกลายเป็นแค่เมียบ่าว เธอจึงขอตายไปเสียเดี๋ยวนี้ยังจะดีกว่า เจ้าติสสะเคียดแค้นใจจนเป็นลมและล้มป่วยไปทันที พชรพาแทนไทมาที่ร้าน สีเกดไม่พอใจที่เห็นแทนไทมาที่นี่เพราะอดีตชาติเขาคือพระมหาโมฬี ที่ทำลายคุณไสยที่เธอทำใส่ชายทัด แทนไทได้สัมผัสมือกับไหมพิมจนเกิดไฟชอร์ตขึ้นมาอย่างแรง แทนไทสังหรณ์ใจว่าไหมพิมต้องมีอะไรแปลก ๆ ในตัวแน่จึงแอบขโมยเข็มปักผ้าของเธอไปพิสูจน์ จากการนั่งสมาธิดู แทนไทพบสีเกดถูกฆ่าตายหมกอยู่ในป่า ภุมรีบอกว่ามีวิญญาณร้ายอาศัยร่างไหมพิมอยู่อย่างที่แทนไทบอกพชรไป ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นกับไหมพิมเหมือนกับเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นกับภุมรีมาก่อน ภุมรีอยากช่วยไหมพิมจึงนัดให้พชรพาไหมพิมมาทานข้าวที่บ้านเพื่อหาทางช่วยเธอ
ไหมพิมได้นำของขวัญมามอบให้ภุมรีเป็นการตอบแทน แทนไทเปิดกล่องของขวัญดูเห็นหนอนยั้วเยี้ยเต็มไปหมด เขาบอกภุมรีว่าสิ่งที่เห็นบอกให้รู้ว่าไหมพิมถูกวิญญาณร้ายควบคุมอยู่ หลังจากทานอาหารกันเสร็จมณีกัญญาได้พูดถึงผ้าไหมตาดทองขึ้นมาว่าจะนำมาขายให้ภุมรี จู่ ๆ ไฟในบ้านก็ดับพรึ่บ แทนไทมองเห็นวิญญาณสีเกดเพ่งมองมาอย่างโกรธแค้น เขาจึงขึ้นไปทำพิธีชั้นบนกับภุมรี จังหวะนั้นสีเกดก็เข้าสิงร่างไหมพิมและบอกด้วยเสียงเคียดแค้นว่าไม่ให้ขายผ้าไหมเพราะไม่ใช่ของเธอ มณีกัญญาโกรธตรงเข้าตบตีไหมพิม พชรเข้าไปห้ามอย่างตกใจและแปลกใจอาการไหมพิม กระทั่งแทนไทเดินลงมาชั้นล่างตรงเข้าจับตัวไหมพิมไว้ แหวนพระต้องตัวหญิงสาว สีเกดถึงกับกรี๊ดลั่นก่อนหลุดออกจากร่างไหมพิมไป พชรส่งไหมพิมไปหาหมอและส่งกลับบ้าน จากนั้นมาคุยกับแทนไทและภุมรีจนได้รู้ว่าภุมรีเคยถูกผีสิงมาก่อน ก่อนจะแยกจากกันแทนไทได้ให้แหวนพระแก่พชรใส่ไว้เพื่อให้เขาพิสูจน์ว่าสิ่งที่เขาสงสัยนั้นเป็นจริง หลังจากที่ไหมพิมกลับมาถึงบ้าน เธอก็ล้มตัวลงนอนและเข้าสู่วังวนของสีเกดอีกครั้ง คราวนี้เธอเห็นผิวกำลังพาสีเกดไปทำเสน่ห์กับตุ๊เจ้าวงษา หลังจากที่รู้ว่าชายทัดจะแต่งงานกับหญิงฉายแน่นอน สีเกดถึงกับคิดฆ่าตัวตาย ผิวสงสารนายสาวจึงพาไปทำเสน่ห์ ตุ๊เจ้าทำตุ๊กตาขึ้นมาสองชุด ชุดหนึ่งเป็นรูปปั้นหญิงฉายกับชายทัดที่หันหลังให้กันและมัดไว้ด้วยสายสิญจน์ ผิวนำไปฝังในป่าช้า ส่วนอีกชุดหนึ่งเป็นรูปปั้นสีเกดกอดกับชายทัด สีเกดแอบเอาไปซ่อนไว้ใต้เตียงนอนของฝ่ายชาย ทำให้ชายทัดต้องมนต์เสน่ห์ลุ่มหลงสีเกดจนถึงกับยอมยกเลิกการแต่งงาน สีเกดทำเสน่ห์จนชายทัดหลงหัวปักหัวปำ ไม่นำพาแม้แต่หม่อมสร้อยและหญิงทิพย์ที่พากันเดือดร้อนเพราะความโลเลของเขา ชายทัดหลงเมียจนถึงขั้นเกือบทำร้ายแม่ หญิงโฉมแอบได้ยินเสด็จพระองค์หญิงคุยเรื่องชายทัดพาสีเกดมาพักอยู่ในวัง เธอรู้สึกสงสัย กระทั่งได้รู้และเห็นกับตาเมื่อสีเกดเข้ามาในวังและวางก้ามว่าจะได้แต่งงานกับชายทัดเร็ว ๆ นี้ หญิงโฉมถลาจะเข้าไปตบตีสีเกด ผิวออกโรงปกป้องจึงมีเรื่องตบตีกับจวงจนโกลาหล
ปรีชญาพาทาวิธไปดูชุดแต่งงานที่ร้านเวดดิ้ง ไหมพิมและพชรมาช่วยเลือก สีเกดไม่พอใจที่คนทั้งสองจะแต่งงานักนจึงเข้าสิงร่างไหมพิมและแอบโทรศัพท์ไปนัดแนะทาวิธให้ไปพบกับเธออีกครั้ง ทาวิธไม่รู้ว่าไหมพิมจะมาไม้ไหนแต่ก็ยังมีใจให้หญิงสาวอยู่ เขาจึงไปพบเธอตามนัด สีเกดในร่างไหมพิมแอบส่งข้อความมาหาปรีชญาบอกว่ามีเรื่องต้องการคุยด้วยให้ไปพบกันที่โรงแรม มณีกัญญาอยู่กับปรีชญาด้วยนึกไม่พอใจจึงบอกให้พชรรู้ ทั้งสามมาพบไหมพิมที่โรงแรม เวลานั้นสีเกดในร่างไหมพิมกำลังยั่วยวนทาวิธเต็มที่ กำลังจะเข้าด้ายเข้าเข็มทั้งสามก็มาเคาะประตูเรียกหน้าห้องพัก ไหมพิมเปิดประตูออกต้อนรับอย่างไม่สะทกสะท้านใด ๆ ขณะที่ทาวิธยืนตกใจไม่คิดว่าจะถูกจับได้ ไหมพิมประกาศตัวกับปรีชญาว่าเธอกับทาวิธรักกัน ปรีชญาทั้งโกรธและเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นถึงกับช็อกหมดสติไป สีเกดออกจากร่างไหมพิมยืนมองความอลหม่านด้วยความสะใจ

ทาวิธถูกไล่ออกจากบ้านปรีชญามาอยู่คอนโดฯ พอห่างจากคนรักทาวิธก็รู้สึกตัวว่าเขาไม่ได้รักไหมพิมแต่รักปรีชญาต่างหาก นายชนะ สามีของแก้วใจหลานเขยยายตลับถูกงูกัดตาย ภาติยะไปตรวจสอบพบว่าเขาเกี่ยวข้องกับเรื่องผ้าไหมจึงให้แก้วใจมารับศพไปทำพิธี แก้วใจตัดสินใจขายผ้าไหมให้ปรีชญา หญิงสาวไปรับผ้าไหมกับภาติยะที่โรงพัก ภาติยะคิดเอาคืนทาวิธจึงชวนปรีชญาไปเที่ยวและทานข้าว พอหญิงสาวตกลงภาติยะก็ส่งข้อความไปเยาะเย้ยทาวิธ ทาวิธหึงหวงจึงมาอาละวาดที่บ้าน เขาเลยถูกปรีชญาและยายรณีตำหนิที่โวยวายโดยไม่มีเหตุผล ไหมพิมถูกปรีชญาตัดรอนความสัมพันธ์ทำให้เธอท้อแท้ใจมาก สีเกดอาศัยจังหวะนั้นเข้าครอบงำจิตใจของเธอ พยายามให้ไหมพิมได้เห็นความเจ็บปวดของตนเองในอดีตที่ภักดีต่อชายทัดและถูกคนอื่นทำร้ายเพื่อให้ความรักของเธอล่มสลาย พ่อของชายทัดรู้เรื่องที่เขายกเลิกการแต่งงานกับหญิงฉายจึงเกิดทะเลาะกัน ชายทัดหลงสีเกดจนถึงกับคิดทำร้ายพ่อตัวเอง หญิงทิพย์เล่าเรื่องชายทัดให้เสด็จฯ ฟัง หญิงโฉมแอบได้ยินและได้ยินอีกว่าชายทัดอาจถูกมนต์ดำที่สีเกดทำคุณไสยใส่ หญิงโฉมนึกสงสัยจึงร่วมมือกับหญิงทิพย์จับผิดชายทัด ในเวลาเดียวกันหญิงฉายที่ต้องมนต์คุณไสยก็พาลเกลียดชายทัดไปด้วยเช่นกัน หญิงโฉมและหญิงทิพย์พาหญิงฉายไปทำบุญ พอหญิงฉายถูกน้ำมนต์ของพระมหาโมฬีเธอก็มีอาการสั่นสะท้าน พระมหาโมฬีเขียนยันต์ลงบนกระดานชนวนและทำพิธีปลุกเสกเผยให้เห็นหุ่นคู่ที่มัดหญิงฉายและชายทัดในลักษณะหันหลังให้กันอยู่ ทุกคนพากันตะลึงเมื่อพระมหาโมฬีบอกว่าหญิงฉายโดนคุณไสย สมเด็จฯ จึงรดน้ำมนต์ไล่คุณไสยให้ จากนั้นก็พากันไปทำพิธีไล่คุณไสยให้กับชายทัด
ชายทัดถูกรดน้ำมนต์ถึงกับดิ้นพล่าน ขณะที่สีเกดตกใจสุดขีดเมื่อรู้ว่าถูกจับได้ ส่วนหุ่นที่ซ่อนไว้ใต้เตียงก็ถูกนำมาทำลาย ทีแรกสีเกดไม่ยอมรับความผิด พระองค์ชายจึงจับผิวไปทรมานเพื่อให้สีเกดยอมรับผิด สีเกดเห็นผิวถูกทรมานอย่างน่าสงสาร ในที่สุดก็ยอมรับผิดออกมาจนได้ว่าไปทำคุณไสยกับตุ๊เจ้าวงษามา ทำให้ผิวและตุ๊เจ้าวงษาถูกจับมาทำโทษด้วยการประหารชีวิต ส่วนสีเกดเธอกำลังตั้งท้อง พระองค์ชายละโทษตายเอาไว้รอให้เธอคลอดลูกเสียก่อนจึงค่อยสำเร็จโทษ ช่วงเวลานั้นสีเกดกลายเป็นคนซึมเศร้า วัน ๆ เอาแต่นั่งปักผ้าไหม เดี๋ยวร้องไห้ เดี๋ยวหัวเราะเหมือนคนใกล้บ้าเข้าไปทุกที ชายทัดแวะมาเยี่ยมสีเกดที่เรือนเพื่อบอกกับเธอเรื่องที่เขาจะแต่งงานกับหญิงฉาย และเพื่อชดเชยกับความผิดที่สีเกดทำกับหญิงฉาย ชายทัดจึงขอผ้าไหมที่สีเกดกำลังปักอยู่มาให้หญิงฉายใช้ในพิธีแต่งงานและเอาลูกของเธอให้ญิงฉายเลี้ยงดู เพราะหลังจากเธอคลอดแล้วก็จะต้องถูกประหารชีวิต ขณะที่ชายทัดคุยกับสีเกด ไหมพิมได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมดแต่เธอก็คิดว่าตัวเองกำลังฝันอยู่ หารู้ไม่ว่าตอนนี้เธอถูกสิงจนเหมือนเป็นสีเกดเข้าไปทุกที แทนไทรับรู้พฤติกรรมนี้ได้ทางจิตจึงบอกให้พชรรู้ ทำให้พชรเป็นห่วงไหมพิมมาก พชรนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นทำให้รู้ว่าตั้งแต่ได้ผ้าไหมมาที่ร้านเรื่องวุ่นวายก็เกิดขึ้นมากมาย พชรรีบไปหาไหมพิมที่บ้านปรากฏว่าเธอย้ายออกไปอยู่ที่อื่นแล้ว เวลานั้นไหมพิมถูกสีเกดสิงร่างย้ายมาอยู่ที่คอนโดฯ ห้องข้าง ๆ ทาวิธ มณีกัญญาไปข่มขู่เอาผ้าไหมคืนมากจากภาติยะ ปรากฏว่าเป็นของปลอม ภาติยะทบทวนเหตุการณ์วันที่เจอไหมพิมครั้งสุดท้ายจนแน่ใจว่าเธอคงเอาไปแล้ว มณีกัญญาจึงพาธงและมะลิไปค้นหาที่ห้องไหมพิมแต่ก็ไม่พบ สีเกดในร่างไหมพิมเข้าหาทาวิธยั่วยวนให้ทาวิธยอมเป็นของเธอ แต่ทาวิธไม่เล่นด้วยและยังโทรฯ ไปบอกให้ปรีชญารู้ว่าไหมพิมย้ายมาอยู่ที่ห้องข้าง ๆ มณีกัญญารู้เข้าก็แทบจะไปลากตัวกลับมาเพื่อเอาผ้าไหมคืน แต่พชรห้ามไว้บอกว่าไหมพิมกำลังป่วย ถ้าได้ผ้าไหมมาก็ให้เอาไปให้แทนไทแล้วจะรู้เองว่าเกิดอะไรขึ้น พชรขอความช่วยเหลือจากทาวิธด้วยการหลอกล่อให้ไหมพิมออกไปจากห้องพักเพื่อที่พวกเขาจะได้เข้าไปค้นหาผ้าในห้อง ทาวิธทำตามแผนที่พชรบอก จากนั้นพวกเขาก็ไปค้นหาจนเจอผ้าซ่อนอยู่ตั่ยงไม่ทันเอาออกมาสีเกดในร่างไหมพิมก็เข้ามาเห็นเสียก่อน ไหมพิมกับมณีกัญญาแย่งผ้ากันจนผ้าฉีกขาดเป็นสองส่วน พชรสวมแหวนพระจับตัวไหมพิมเอาไว้ สีเกดปวดแสบปวดร้อนก่อนจะเผ่นออกไปจากห้องพร้อมกับผ้าส่วนสำคัญ แทนไททำพิธีกำจัดผ้าไหมส่วนที่ได้มาคิดว่าคงล้างอาถรรพณ์ของสีเกดได้แต่ปรากฏว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้น ไหมพิมนำผ้าที่เหลือไปฝังไว้ในป่าช้าก่อนจะเดินอย่างอ่อนแรงมาหมดสติที่ปากทางเข้า ชาวบ้านผ่านมาเห็นจึงพาส่งโรงพยาบาล ภาติยะรู้ข่าวไหมพิมก็รีบติดต่อไปหาพชร พชรไปเฝ้าดูอาการไหมพิมที่โรงพยาบาลเห็นเธอละเมอบีบคอตัวเองก็รู้ว่าไหมพิมถูกวิญญาณสีเกดรบกวนอีก เมื่อออกจากโรงพยาบาลจึงพาแทนไทมาทำพิธีและให้ไหมพิมเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง ไหมพิมเล่าเรื่องในอดีตของสีเกดให้ฟังโดยมีปรีชญา , มณีกัญญาและทาวิธเข้มาเกี่ยวข้องด้วย เจ้าติสสะตรอมใจตาย สีเกดกลายเป็นคนซึมเศร้าเอาแต่นั่งปักผ้าไหมจนเสร็จ ในผ้าไหมมีดินจากป่าช้า เลือดและคำสาปแช่งของเธอใส่ลงไปด้วย จากนั้นเธอก็ผูกคอตายไปพร้อมกับลูกในท้อง ทุกคนได้รับรู้เรื่องของสีเกดที่เกิดจากผู้ชายใจโลเลอย่างชายทัดและถูกหญิงโฉมหาเรื่องเพราะความริษยา แม้หญิงฉายจะได้แต่งงานกับชายทัดแต่ก็ไม่สมหวัง
ปรีชญาตัดสินใจแต่งงานกับทาวิธ สีเกดโกรธมากจึงสิงร่างไหมพิมไปหาทาวิธอีกครั้งและถ่ายภาพยั่วสวาทเข้ามือถือปรีชญา เหตุการณ์นี้ทำให้แทนไทและพชรรู้ว่าสีเกดยังไม่ได้ถูกกำจัด มณีกัญญาเห็นไหมพิมอยู่กับทาวิธที่คอนโดฯ ด้วยความหึงหวงแกมโกรธจึงหุนหันไปที่ห้องโดยไม่ปรึกษาใคร จนเกือบถูกผีสีเกดทำร้ายเอา โชคดีที่พชรมาช่วยไว้ทัน ไหมพิมถูกส่งเข้าโรงพยาบาล แทนไทและภุมรีมาดูอาการเห็นว่าเธอถูกสีเกดดูดพลังไปใช้จนเกือบหมด แทนไทจึงเอาแหวนพระจากพชรมาร้อยกับสร้อยของภุมรีแล้วห้อยคอไหมพิมเอาไว้ ทำให้สีเกดเข้าสิงร่างเธออีกไม่ได้

ทั้งหมดได้รับรู้ว่าผ้าไหมตาดทองผืนนั้นได้มาจากในวังเพราะถูกยายตลับขโมยไป ยายรณีและยายรตาช่วยกันเล่าประวัติให้หลาน ๆ ฟังจนได้รู้ว่าเป็นผ้าต้องคำสาป เจ้าสาวคนไหนนำไปใช้จะต้องตายกันทุกคน ภุมรีเห็นว่าผ้าผืนนี้เกี่ยวข้องกับหญิงฉายหรือปรีชญากลับชาติมาเกิดจึงให้ปรีชญา , มณีกัญญาและทาวิธนั่งสมาธิเพื่อดูชาติอดีตของตนว่าเคยทำอะไรกับสีเกดไว้บ้าง
หลังจากที่นั่งสมาธิทั้งสามพบว่าตัวเองได้ทำเรื่องเลวร้ายกับสีเกดไว้มากโดยเฉพาะทาวิธและมณีกัญญา แทนไทกับพชรมาเยี่ยมไหมพิมและเล่าเรื่องของทั้งสามให้เธอฟังบอกว่ายังตามหาผ้าอีกครึ่งไม่พบมีแต่ไหมพิมท่านั้นที่จะช่วยได้ ไหมพิมพยายามนึกว่าเธอไปทำอะไรมาบ้างแต่ก็นึกไม่ออก หญิงสาวคิดว่าอาจเป็นเพราะแหวนพระจึงทำให้เธอไม่สามารถสื่อกับสีเกดได้ ไหมพิมจึงถอดสร้อยออกและนั่งสมาธิถอดจิตไปหาสีเกด จากการถอดจิตครั้งนี้ไหมพิมได้รู้ว่าสีเกดฝังผ้าไหมไว้ที่ป่าช้า เธอจึงบอกให้พชรรู้ พชรรีบไปหาแทนไทและเล่าให้เขาฟัง จากนั้นแทนไทก็ทำพิธีค้นหาที่ซ่อนผ้าไหมว่าอยู่ในป่าช้าแถวไหน ไหมพิมจะนั่งสมาธิเพื่อดูว่าสีเกดเอาผ้าไปฝังไว้ที่ไหนแต่ถูกสีเกดสิงร่างพาขึ้นไปบนดาดฟ้า ปรีชญาเข้าไปกล่อมจึงถูกดึงเข้าไปหาทำท่าจะผลักตกตึกตาย ทาวิธมาขอร้องไว้ สีเกดเจ็บปวดที่เห็นชายทัดของเธอรักหญิงฉายมากกว่าตนเอง แต่ก่อนที่จะเกิดเรื่องร้ายไปกว่านั้นแทนไทกับพชรได้ทำพิธีขุดเอาผ้าไหมส่วนสำคัญขึ้นมาจากป่าช้าได้และทำพิธีราดด้วยน้ำมนต์ทำให้สีเกดหลุดออกจากร่างของไหมพิม ทาวิธเข้าช่วยเหลือปรีชญาเอาไว้ได้
ผ้าไหมตาดทองถูกกำจัดไปแล้ว วิญญาณสีเกดยังคงอยู่แต่ไม่มีฤทธิ์เดชใด ๆ ทุกคนช่วยกันทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้สีเกด ทาวิธตัดสินใจบวชอุทิศส่วนกุศลให้สีเกดตลอดชีวิตทำให้ไม่มาวนเวียนกับปรีชญาและมณีกัญญาอีกต่อไป ส่วนพชรก็เริ่มต้นสานสัมพันธ์รักกับไหมพิมอีกครั้ง หลังจากนั้นทุกคนก็ได้เข้าร่วมพิธีเปิดพิพิธภัณฑ์ผ้าไหมไทยโบราณของภุมรีในท่ามกลางความชื่นชมของผู้เข้าร่วมงาน
